ไม่เลิกจ้าง แต่ไม่มีงานให้ทำ บอกให้ไปนอนรองานอยู่บ้านก่อน แบบนี้ถือว่าเลิกจ้าง!!
เรื่องบางเรื่องแม้ไม่พูด คำตอบก็อาจชัดเจนได้จากพฤติกรรม ก็เหมือนความรักนั่นแหละ ไม่พูดว่ารัก แต่ก็มีวิธีการแสดงออกหลายอย่างให้รู้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม การรับรู้ของคนแตกต่างกัน พูดบ้างก็ดี อย่าวให้คิดเอง เพราะนี่เป็นคนคิดมาก ทั้งบวกมากลับมาก เอ๊ะ ..เข้าเรื่องนี้ได้ไงยังก่อนพี่ทนายยยย
กลับมาเข้าเรื่องก่อน เดี๋ยวไกลไปกว่านี้ เรื่องของเรื่องวันนี้คือ ไม่เลิกจ้าง แต่ไม่มีงานให้ทำ บอกให้ไปนอนรองานอยู่บ้านก่อน แบบนี้เลิกจ้รางหรือยัง ไม่บอกตรงๆแต่ทำแบบนี้ ไม่เข้าใจ หรืออาจจะเข้าใจไม่ตรงกัน
ในเรื่องนี้ เคยมีคดีแบบเดียวกันเลยในปี 62 ในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7393/2562 ว่า
นายจ้าง แสดงพฤติกรรมแนวๆเดียวกันนั้นและศาลตัดสินว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นพฤติการณ์เลิกจ้าง !!
“พฤติการณ์เลิกจ้าง” โดยพฤติการณ์ในคดีนี้คือ หลังสิ้นสุดการทำงานโครงการ บริษัทแจ้งลูกจ้างว่าไม่ต้องเข้ามาทำงานอีกและให้แต่ละคนกลับไปทำงานที่บ้านพร้อมคืนอุปกรณ์สิ่งของทั้งหมด และตัดลูกจ้างออกจากระบบข่าวสารทางอีเมลของบริษัทด้วย ต่อมา เมื่อถึงครบกำหนดวันจ่ายค่าจ้างบริษัทก็ไม่จ่ายค่าจ้างให้ “ในกรณีที่ไม่ให้งานและไม่ให้เงินเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการเลิกจ้างแล้ว” ไม่ต้องบอกชัดเจนแต่ก็ชัดแจ้งด้วยพฤติกรรม
แต่อย่างที่เคยบอกไปว่าเวลาอ่านฎีกาเพื่อนำมาอ้างอิงกับเคสเราเอง อยากให้ลองอ่านฎีกาเต็ม และทำความเข้าใจก็ อย่าไปอ่านฎีกาโดยย่อเท่านั้น อาจเข้าใจผิดได้ ที่ให้ลองไปอ่านฎีกายาวดูเพราะฎีกานี้ในทางนำสืบ ทางลูกจ้างก็นำสืบได้ว่า ลูกจ้างยังคงรอการทำงานที่บ้านตามคำสั่งของบริษัท แต่ไม่ปรากฏว่าบริษัทไปประมูลงานใหม่มาเลย
ดังนั้นบริษัทก็ย่อมรู้ดีว่า หลังสิ้นสุดโครงการแล้วจะไม่มีงานให้ลูกจ้างทำอย่างแน่นอน
การที่บริษัทสั่งให้ลูกจ้างไปรอทำงานที่บ้าน โดยไม่มีระยะเวลาที่สิ้นสุดแน่นอนว่าจะให้เข้าทำงานเมื่อไหร่ พฤติการณ์ดังกล่าวทั้งหมดก็แสดงให้เห็นว่า บริษัทไม่ประสงค์จะจ้างต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างจึงถือว่า เป็นการเลิกจ้างตามกฎหมายแล้ว
ดังนั้นในคดีนี้ศาลจึงพิพากษาให้บริษัทต้องจ่ายค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้าง
อ้อออ และคนที่ inbox มาขอฎีกาเต็มจากโพสก่อนๆ อยากแนะนำว่า google เถอะแม่ ลองดูนะ
ไม่ได้หายากมากมาย ก่อนให้คนอื่นช่วย ลองช่วยตัวเองก่อน อันนี้ไม่ได้ประชด แต่อยากให้ลองหาดู และเรียนรู้เถอะว่าไม่มีใครช่วยเราได้ดีกว่าตัวเราเอง และถ้าเราเริ่มหาเป็น เสริจอะไรก็ง่าย ได้ข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจและให้ผู้บริหารพิจารณาแน่นอนค่ะ