กรุณารอสักครู่

 

HomeCategoryกฏหมายแรงงาน Archives - Page 9 of 75 - บริษัท ลีกัล คลินิก แอนด์ เอดดูเคชั่น จำกัด

ขั้นตอนการดำเนินคดีอาญากับนายจ้าง กรณีไม่จ่ายค่าจ้าง

ขั้นตอนการดำเนินคดีอาญากับนายจ้าง กรณีไม่จ่ายค่าจ้าง   การดำเนินคดีอาญากรณีนายจ้างที่เป็นนิติบุคคล พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ มาตรา 158 บัญญัติไว้ว่า “ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคลถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการ หรือการกระทำของบุคคลใดหรือไม่สั่งการ หรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำของกรรมการผู้จัดการ หรือบุคคลใด ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้นผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นๆ ด้วย”   ขั้นตอนและวิธีการดำเนินคดีอาญากับนายจ้าง กรณีไม่จ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้าง ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้ค่ะ   1.ลูกจ้างสามารถยื่นร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานตรวจแรงงาน เพื่อให้พนักงานตรวจแรงงานทำการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร และหากพนักงานตรวจแรงงานได้สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า นายจ้างกระทำความผิดจริง พนักงานตรวจแรงงานก็จะมีคำสั่งให้นายจ้างปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน   2. หากนายจ้างยังฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม พนักงานตรวจแรงงานจะแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่เกิดเหตุเพื่อให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำนายจ้าง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป   3.ลูกจ้างสามารถว่าจ้างทนายความ เพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อศาลอาญาโดยตรงก็ได้เช่นกัน   ทั้งนี้นั้นทั้ง 2 วิธีดังที่กล่าวมาข้างต้น ลูกจ้างไม่สามารถดำเนินการพร้อมกันทั้ง 2 วิธีได้ ลูกจ้างจะต้องเลือกทำวิธีใดวิธีนึงเท่านั้นนะคะ   #hr #HR #ot #เงินเดือน #เลิกจ้าง #Professional #บริษัท #นายจ้าง #ค่าชดเชย #ที่ปรึกษากฎหมาย #ลูกน้อง #ลูกจ้าง...

แม้ในสัญญาจ้างเขียนว่าให้โยกย้ายตำแหน่งและสถานที่ทำงานแต่การโยกย้ายก็ต้องมีเงื่อนไขไม่ใช่ย้ายไปได้ทุกที่

แม้ในสัญญาจ้างเขียนว่าให้โยกย้ายตำแหน่งและสถานที่ทำงานแต่การโยกย้ายก็ต้องมีเงื่อนไขไม่ใช่ย้ายไปได้ทุกที่ แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องของการโยกย้ายในหมวดกฎหมายแรงงาน มันต้องไม่ใช่การส่ายสะโพกโยกย้ายอยู่แล้วแต่มันเป็นการย้ายตำแหน่งงาน รวมถึงย้ายสถานที่ที่ให้ลูกจ้างไปทำงานหลายครั้งที่นายจ้างเข้าใจว่าเมื่อระบุไว้ในสัญญาจ้างว่า“นายจ้างมีสิทธิย้ายลูกจ้างไปทำงานในตำแหน่งหรือสถานที่หรือสาขาใดก็ได” นายจ้างก็จะเข้าใจว่าสามารถทำได้แบบนั้นจริงๆการปลูกสร้างไม่ย้ายไปสาขาอื่นตามที่สั่งรื้อใหม่ย้ายไปตามตำแหน่งงานที่บอกก็มีสิทธิ์เลิกจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในกรณีดังกล่าว ถึงแม้ว่านายจ้างจะมีอำนาจในการย้ายงานตามสัญญาจ้างหรือตามข้อบังคับฯ เพื่อความเหมาะสม และเพื่อการบริหารงานขององค์กรก็ตาม แต่การย้ายก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและหลักเกณฑ์สำคัญ ดังนี้1. ต้องไม่เป็นการลดตำแหน่ง2. ต้องไม่ลดค่าจ้างของลูกจ้าง3.ต้องไม่เป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้าง4. ต้องชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม กล่าวคือ ต้องไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตปกติของลูกจ้างและครอบครัวหากการย้ายดังกล่าวเป็นการลดตำแหน่ง หรือลดค่าจ้าง หรือย้ายเพื่อกลั่นแกล้งให้ลูกจ้างลาออกเองเพื่อที่จะเลี่ยงไม่จ่ายค่าชดเชย หรือย้ายในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง เช่น ต้องรับภาระเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานในระยะทางที่ไกลขึ้น ดังนี้ หากลูกจ้างไม่ยอมย้ายไปตามคำสั่งนายจ้างแล้วถูกเลิกจ้าง นายจ้างต้องรับผิดจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมได้ซึ่งมีตัวอย่างที่น่าสนใจ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ ๔๖/๒๕๖๓การที่นายจ้างมีคำสั่งให้ลูกจ้างไปทำงานเป็นวิศวกรประจำโครงการที่ประเทศกัมพูชา โดยลูกจ้างไม่ยินยอม ย่อมเป็นการเพิ่มภาระอย่างมากแก่ลูกจ้างและครอบครัว ยากที่จะปฏิบัติตามคำสั่งได้ จึงไม่ถือเป็นการใช้อำนาจจัดการบริหารงานบุคคลตามความเหมาะสมหรือจำเป็น แม้ลูกจ้างจะได้เลื่อนตำแหน่ง ค่าจ้างและสวัสดิการสูงขึ้นก็ตาม ถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรม เมื่อนายจ้างเลิกจ้างด้วยด้วยเหตุไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง จึงต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมจากตัวอย่างข้างต้นจึงจะเห็นได้แล้วว่าแม้เขียนไว้ในสัญญาว่ามีสิทธิโยกย้ายได้ก็ไม่ใช่ทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ แต่การโยกย้ายไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงานหรือการเปลี่ยนแปลงอื่นใดก็ต้องเป็นในทางที่เป็นธรรมกับลูกจ้างด้วยไม่ใช่คิดว่าลูกจ้างเซ็นไปแล้วบังคับใช้ได้ทุกอย่างนะ เพราะมันเป็นสัญญาสำเร็จรูปที่แทบจะทุกบริษัทกำหนดไว้ตายตัว แต่ตอนนั้นหนูไม่ยอมหนูก็คงไม่ได้งาน นำซ้ำการตกลงใดใดก็ตามที่ขัดกับความสงบเรียบร้อยและขัดกับข้อกฎหมายแม้ลูกจ้างเซ็นก็บังคับใช้ไม่ได้ดังนั้นนายจ้างโปรดจงเข้าใจให้ถูกต้อง ก่อนดำเนินการ และที่สำคัญเข้าใจให้ถูกต้องก็เป็นเรื่องสำคัญเข่นกันนะคะติดต่องานขอทราบค่าบริการคดีความที่ปรึกษากฎหมายร่างข้อบังคับและสัญญาทั้ง Thai/Engงานบรรยายกฎหมายแรงงาน PDPA VISA & WORKPERMITสอบถามค่าบริการได้ที่ : info@legalclinic.co.th

เงินค่าชดเชยห้ามหักภาษี ณ จ่าย

เงินค่าชดเชยห้ามหักภาษี ณ จ่าย ก่อนที่จะตอบคำถามดังกล่าว ต้องทราบก่อนว่าเงินได้ใดที่จะได้รับยกเว้นภาษี??หากพิจารณาประมวลรัษฎากรมาตรา 42 ที่บัญญัติเรื่องเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีนั้น ในอนุมาตรา 17 ของมาตราดังกล่าวระบุว่า “เงินได้ตามที่จะได้กำหนดยกเว้นโดยกฎกระทรวง” ให้ได้รับยกเว้นภาษีและเมื่อพิจารณากฎกระทรวงฉบับที่ 126 ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรในข้อที่ 51 ได้ระบุว่าเงินค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน (แต่ไม่รวมค่าชดเชยที่ได้รับเพราะเหตุเกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง) ในส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนสามร้อยวันสุดท้าย แต่ไม่เกินสามแสนบาท เป็นเงินได้พึงประเมินที่ไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 42 (17)“ซึ่งก่อนหน้านี้” ค่าชดเชยไม่เกิน 300 วันของค่าจ้าง และไม่เกิน 300,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษีปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงเป็น ค่าชดเชยไม่เกิน 400 วันของค่าจ้าง และไม่เกิน 600,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ หากคุณได้จ่ายภาษีจากค่าชดเชยที่ได้รับยกเว้นตามกฎใหม่นี้ไปแล้ว สามารถยื่นขอคืนภาษีได้ภายใน 3 ปีนับจากวันสุดท้ายของการยื่นภาษีครั้งนั้นหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง : ประมวลรัษฎากร มาตรา 42(17) , กฎกระทรวงฉบับที่ 126 ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน...

ถูกลดเงินเดือนโดยที่ไม่ได้ยินยอม แล้วต่อมานายจ้างประสงค์จะเลิกจ้าง ต้องคำนวณค่าชดเชยอย่างไร

ถูกลดเงินเดือนโดยที่ไม่ได้ยินยอม แล้วต่อมานายจ้างประสงค์จะเลิกจ้าง ต้องคำนวณค่าชดเชยอย่างไร ในวันนี้มีน้องแฟนเพจท่านนึงโทรมาสอบถามว่า ตนเองถูกลดเงินเดือนโดยที่ไม่ได้ยินยอม แล้วต่อมานายจ้างประสงค์จะเลิกจ้างกรณีเช่นนี้ค่าชดเชยจะคำนวณจากฐานใดระหว่าง เงินเดือนเดิมกับเงินเดือนล่าสุดที่ได้รับโดยปกติแล้วเรื่องเงินเดือนเป็นเรื่องสภาพการจ้าง นายจ้างไม่สามารถลดเงินเดือนได้ โดยที่ลูกจ้างไม่ยินยอม และต่อมาหากนายจ้างเลิกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิด นายจ้างต้องนำค่าจ้างอัตราสุดท้ายก่อนลดมาคำนวณเป็นฐานในการจ่ายค่าชดเชยเพราะการลดค่าจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือลูกจ้างไม่ยินยอม ย่อมไม่มีผลตามกฎหมายและไม่ผูกพันลูกจ้าง————-ติดต่องานจ้างสอบถามค่าบริการได้ทางInfo@legalclinic.co.th#ทนายแรงงาน #ทนายคดีแรงงาน#PDPA #พรบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล#คลินิก​กฎหมาย​แรงงาน#ทนายฝ้ายคลินิกกฎหมายแรงงาน

รวมฮิต เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับค่าชดเชย

รวมฮิต เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับค่าชดเชย 12 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ “ค่าชดเชย” ใครสงสัยอะไรไปอ่านกันเลย1.สมัครใจลาออกเองไม่จ่ายค่าชดเชย2.ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง ไม่จ่ายค่าชดเชย3.จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ไม่จ่ายค่าชดเชย4.ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ไม่จ่ายค่าชดเชย5.ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง นายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน โดยหนังสือเตือนให้มีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำผิด ไม่จ่ายค่าชดเชย6.ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ไม่จ่ายค่าชดเชย7.ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ไม่จ่ายค่าชดเชย8. ตกลงเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด ไม่จ่ายค่าชดเชย9.ทำงานที่มีกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดแน่นอน จ้างไม่เกิน 2 ปีโดยเป็นงานโครงการที่ไม่ใช่ปกติธุรกิจของนายจ้าง หรืองานที่ทำเป็นครั้งคราว หรืองานตามฤดูกาล ไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชย10.ค่าชดเชยต้องจ่ายตอนเลิกจ้าง ค้างชำระจะต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี แต่ถ้าหากจงใจไม่จ่ายจะต้องจ่ายเงินเพิ่มร้อยละ 15 ทุกๆ 7 วัน11.ค่าชดเชยผ่อนได้ถ้าลูกจ้างยินยอม12.การฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยมีอายุความ 10 ปี————- ติดต่องานจ้างสอบถามค่าบริการได้ทางInfo@legalclinic.co.th#ทนายแรงงาน #ทนายคดีแรงงาน#PDPA #พรบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล#คลินิก​กฎหมาย​แรงงาน#ทนายฝ้ายคลินิกกฎหมายแรงงาน

สัญญาจ้างแรงงานดูที่พฤติกรรมการจ้างระหว่างกัน แม้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อก็อาจถือเป็นการจ้างตามกฎหมาย

สัญญาจ้างแรงงานดูที่พฤติกรรมการจ้างระหว่างกัน แม้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อก็อาจถือเป็นการจ้างตามกฎหมาย หลายคนยังเข้าใจว่า– เมื่อไม่มีสัญญาจ้างก็ไม่ถือเป็นลูกจ้าง และนายจ้างกัน– เลี่ยงการจ้างแรงงานโดยใช้ชื่อสัญญาจ้างเป็นแบบอื่นใครที่ยังเข้าใจเช่นนั้นอยู่ลองมา ทบทวนกันใหม่ไปพร้อมกันในโพสต์นี้สัญญาจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะทำเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาระบุชัดเจนหรือเป็นที่เข้าใจโดยปริยายซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกบุคคลหนึ่งเรียกว่านายจ้างและนายจ้างตกลงจะให้ค่าจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ซึ่งเมื่อเทียบเคียงจากฎีกาที่ 9985/2557 ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายจ้างว่าจ้างลูกจ้างทำงานในหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการตลาด โดยจ่ายค่าจ้างให้เป็นรายเดือน เดือนละ 20,000 บาท ตลอดเวลาที่ทำงานให้โดยไม่กำหนดปริมาณงานว่าต้องทำมากน้อยเพียงใด ซึ่งต้องด้วยคำนิยามของคำว่าลูกจ้าง ตาม พรบ.คุ้มครองแรงงานที่ให้นิยามไว้ว่า ” ลูกจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรนอกจากนี้ปรากฏอีกว่าลูกจ้างต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างที่ให้ทำรายงานการซื้อขายสินค้ารวมทั้งทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้นายจ้างตรวจสอบทุกเดือน เป็นการแสดงให้เห็นว่านายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชาเหนือลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 แล้ว แม้ลูกจ้างไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างในเรื่องอื่นก็ตาม จึงถือได้ว่าเป็นลูกจ้างแล้วข้อสังเกตจากฎีกาข้างต้นจะเห็นได้ว่า แม้ในสัญญาจ้าง จะจ้างลูกจ้างโดยทำเป็นสัญญาจ้างที่ปรึกษา แต่เมื่อพฤติกรรมการจ้างงานนายจ้างยังคงมีอำนาจบังคับบัญชา ให้ลูกจ้างปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่ได้ถือเอาความสำเร็จของงานเป็นสำคัญ พฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการจ้างแรงงาน ส่งผลให้นายจ้างและลูกจ้างมีสิทธิและหน้าที่ต่อกันตามสัญญาจ้างแรงงาน และอยู่ภายใต้พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯอีกด้วย————-ติดต่องานจ้างสอบถามค่าบริการได้ทางInfo@legalclinic.co.th#ทนายแรงงาน #ทนายคดีแรงงาน#PDPA #พรบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล#คลินิก​กฎหมาย​แรงงาน#ทนายฝ้ายคลินิกกฎหมายแรงงาน

ให้เวลามองหางานใหม่ 3 เดือน แล้วขอให้มาเซ็นใบลาออก คือ การบอกเลิกจ้าง

ให้เวลามองหางานใหม่ 3 เดือน แล้วขอให้มาเซ็นใบลาออก คือ การบอกเลิกจ้าง นายจ้างเรียกไปบอกว่าจำเป็นต้องลดตำแหน่งงานหนูเนื่องด้วยเศรษฐกิจ ให้เวลาหางานสามเดือนในการหางานใหม่ ค่อยมาเขียนใบลาออก แบบนี้คือเลิกจ้างไหมคะ??อ่านแล้วก็แบบ อืมมม….เค้าจะเลิกแหละ แต่เค้าพูดอ้อมโลกและตีมึนให้เราลาออกเองความเห็นของผู้เขียนเห็นว่ามาตรา 118 วรรคสอง ให้ความหมายของการเลิกจ้าง ไว้ว่า การกระทําใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทํางานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความรวมถึงกรณีที่ ลูกจ้างไม่ได้ทํางานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดําเนินกิจการต่อไปดังนั้น กรณีนี้ไม่ใช่การที่ลูกจ้างสมัครใจลาออก แต่เป็นการที่นายจ้างแสดงเจตนาว่าไม่ประสงค์ให้ลูกจ้างทำงานต่อไป และการแสดงเจตนานั้นไปถึงลูกจ้างแล้ว นายจ้างจะถอนการแสดงเจตนาไม่ได้ นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย————- ติดต่องานจ้างสอบถามค่าบริการได้ทางInfo@legalclinic.co.th#มนุษย์เงินเดือน #ลูกจ้าง #hr #คลินิกกฎหมายแรงงาน #มนุษย์เงินเดือนรู้กฎหมาย #ทนายฝ้าย #ทนายฝ้ายกฎหมายแรงงาน

อย่าคิดว่าการที่ไม่มีสัญญาจ้าง แล้วลูกจ้างไม่สามารถฟ้องได้นะ

อย่าคิดว่าการที่ไม่มีสัญญาจ้าง แล้วลูกจ้างไม่สามารถฟ้องได้นะ มีแฟนเพจท่านหนึ่งสอบถามเข้ามาด้วยความระกำใจว่า…. ” ทำงานมาตั้งนาน ประกันสังคมก็หัก จู่ๆมาเลิกจ้างแบบฟ้าผ่า นายจ้างบอกว่าไม่สิทธิได้ค่าชดเชย เพียงเพราะไม่มีสัญญาจ้าง กฎหมายไม่เป็นธรรมเลย”ใจเย็นก่อนเตง…ใครบอกกฎหมายไม่เป็นธรรม ฟ้องไม่ได้ ถ้ามั่นใจว่าทำงานร่วมกันแบบที่นายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชา อยู่ภายใต้กฎระเบียบที่นายจ้างมาโดยตลอด ขาดลามาสายต้องแจ้ง ที่สำคัญนายจ้างส่งประกันสังคมให้ ถ้าครบขนาดที่พูดมานี้ เมื่อถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด “ ก็มีสิทธิได้ค่าชดเชย และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม”เพราะไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดว่าสัญญาจ้างแรงงานต้องทำเป็นหนังสือ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3598/2561) ดังนั้น การจ้างแรงงานอาจจะมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือตกลงกันด้วยวาจา หรือ เกิดขึ้นโดยปริยายก็ได้ทั้งสิ้นอ่านมาถึงตรงนี้อาจเกิดคำถามว่า อ่าว!! แล้วให้เอาหลักฐานอะไรมาฟ้องคดีหล่ะ??ก็หลักฐานต่างๆที่แสดงว่ามีการจ้างงานกัน มีการมอบหมายงานให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ อีเมลล์ เอกสารต่างๆ บัตรพนักงาน การหักเงินส่งประกันสังคม รวมถึงเอกสารที่แสดงว่าเราได้รับเงินเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น statement แสดงว่าเงินเข้าออกจากบริษัท เท่าไหร่ รวมถึงหลักฐานอื่นที่แสดงว่าระยะเวลาการทำงานร่วมกันมานานแค่ไหน เป็นต้นดังนั้น บริษัทไหนที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโดยอ้างว่าไม่มีสัญญาจ้างแรงงานบอกได้เลยว่า ไม่พ้น !!ทำให้ถูกต้อง เป็นธรรม และใช้วิธีบริหารการจ้างให้ถูกต้องตามกฎหมายจะดีกับทุกฝ่ายมากที่สุด———— 

พนักงานมาสายแต่กลับดึกคิดว่าชดเชยเวลาให้ เจอแบบนี้สามารถออกใบเตือนได้หรือไม่

พนักงานมาสายแต่กลับดึกคิดว่าชดเชยเวลาให้ เจอแบบนี้สามารถออกใบเตือนได้หรือไม่ ล่าสุดเป็นคำถามที่ต้องตั้งสติก่อนจะตอบ สำหรับเรามาก เนื่องจากมีแฟนเพจถามว่า…ขออนุญาตถามค่ะ ในเมื่อกฎหมายแรงงานกำหนดให้ลูกจ้างทำงานไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง ถ้างั้น หนูมาสายแต่นั่งทำงานจนครบ 8 ชั่วโมงโดยไม่ขอค่าล่วงเวลา นายจ้างออกหนังสือเตือนว่ามาสาย แบบนี้ได้ด้วยเหรอค่ะ??เอาแบบนี้ คือ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 23 กำหนดให้นายจ้างกำหนดเวลาทำงานปกติ และประกาศแจ้งให้ลูกจ้างทราบ ถึงเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดการทำงานในแต่ละวันของลูกจ้างได้ไม่เกินเวลาทำงานของแต่ละประเภทงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่วันหนึ่งต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมง และสัปดาห์หนึ่งต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงก็จริงอยู่แต่อย่าลืม ว่าถ้านายจ้างเค้ากำหนดเวลางานปกติให้แล้ว เช่น 8.30-16.30 น. รวม 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่สาวมาทำงานในเวลาที่ไม่ปกติอย่างหมู่เขา ใครจะติดต่องานกับสาวได้ และการที่สาวนั่งเกินเวลาและอ้างว่าไม่ขอค่าล่วงเวลานั่นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะว่าการทำงานล่วงเวลาที่จะได้ค่าล่วงเวลานั้น ตามมาตรา 24 แห่งพ.ร.บ เดียวกัน กำหนดว่า ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงาน เว้นแต่ได้รับความยินยอม จากลูกจ้างก่อนเป็นคราวๆ ไป ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานต้องทำติดต่อกันไปถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน หรือเป็นงาน ฉุกเฉิน หรือเป็นงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาได้เท่าที่จำเป็นนั่นหมายถึง...

สั่งแล้วสั่งเลย ห้ามเอ่ยคำลา!! นายจ้างสั่งให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา แม้ไม่มีงานให้ทำก็ต้องจ่าย

สั่งแล้วสั่งเลย ห้ามเอ่ยคำลา!! นายจ้างสั่งให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา แม้ไม่มีงานให้ทำก็ต้องจ่าย เปิดหัวข้อมา บางคนขำแห้ง บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ที่นายเปิดโอทีแล้วให้นั่งชิล มีแต่จะเตรียมงานกองไว้ให้ต่างหากล่ะแหม่ เราไม่เคยเจอใช่ว่าคนอื่น ไม่เคยเจอเนอะ อย่างเช่นคุณหมอท่านนึงในคำพิพากษาฎีกาที่ 2686/2527 ที่ถูกนายจ้างสั่งให้ทำงานล่วงเวลา แต่ในช่วงดังกล่าวไม่มีงานให้ทำหรือมีงานให้ทำเพียงบางช่วง นายจ้างจึงปฏิเสธไม่จ่ายค่าล่วงเวลาและขอจ่ายแบบเหมาๆแทน โดยนายจ้างอ้างว่า ลักษณะของงานคือต้องรองาน (รอคนไข้) ไม่มีงานทำตลอดเวลา ระหว่างที่รองานหมอก็นอนได้ นายจ้างจึงได้คำนวณการจ่ายเงินตอบแทนในระหว่างรอการทำงานและการทำงานจริงเป็นการเหมาจ่ายโดยในกรณีดังกล่าว ศาลได้วินิฉัยว่า การทำงานนอกเวลาทำงานปกติ หรือการต้องทำงานในวันหยุดตามที่โจทก์มีหน้าที่ต้องทำตามเวร กับการมีงานให้ทำจริง ๆ ในช่วงเวลานั้น ๆเป็นคนละกรณีกัน เมื่อหมอมีหน้าที่ต้องมาทำงานในช่วงเวลาตามที่นายจ้างกำหนด หมอก็ถือว่าได้ประจำทำงานตามหน้าที่นั้นแล้ว ส่วนข้อที่ว่าจะมีงาน (มีคนไข้) ให้หมอรักษาหรือไม่ ก็ไม่เป็นข้อที่จะทำให้ช่วงเวลานั้น ๆ กลายสภาพไม่เป็นการทำงานล่วงเวลานอกเวลาทำงานปกติไม่เป็นการทำงานในวันหยุด และไม่เป็นการทำงานล่วงเวลาในวันหยุดเกินเวลาปกติ————-ติดต่องานจ้างสอบถามค่าบริการได้ทางInfo@legalclinic.co.th#ทนายแรงงาน #ทนายคดีแรงงาน#PDPA #พรบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล#คลินิก​กฎหมาย​แรงงาน#ทนายฝ้ายคลินิกกฎหมายแรงงาน