กรุณารอสักครู่

 

HomeCategoryกฎหมายครอบครัว Archives - Page 6 of 11 - บริษัท ลีกัล คลินิก แอนด์ เอดดูเคชั่น จำกัด

“หมิ่นประมาท” คืออะไร ความผิดแบบไหนเข้าหมิ่นประมาณ

กลายเป็นคำติดปากไปแล้วกับการบอกว่า “เดี๋ยวจะฟ้องหมิ่นประมาท” ทั้งๆที่บางความผิดไม่เข้าองค์ประกอบของการหมิ่นประมาทด้วยซ้ำ วันนี้เลยจะนำมาแชร์ว่าความผิดหมิ่นประมาทต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ? “หมิ่นประมาท” คือ การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง -การใส่ความ ข้อความที่กล่าวแม้จะเกิดจากการตอบคำถามผู้อื่น ก็เป็นการใส่ความแล้ว ผิดฐานหมิ่นประมาทได้ -การใส่ความ ต้องเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง จะเป็นความจริงหรือความเท็จก็ได้ การกล่าวข้อความที่ได้รับบอกเล่ามา เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง -สำหรับข้อความจะเป็นหมิ่นประมาทหรือไม่ ต้องพิจารณาตามความรู้ของวิญญูชนทั่วๆ ไป มิใช่ความรู้สึกของผู้ถูกดูหมิ่นแต่ฝ่ายเดียว -การแจ้งความเท็จว่ามีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้น เพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษ นอกจากเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ ยังเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วย -การใส่ความนั้น ต้องมีการระบุตัวผู้อื่นที่ถูกใส่ความว่าเป็นใคร หรือเป็นที่เข้าใจได้ว่าหมายถึงบุคคลใด -ความผิดฐานหมิ่นประมาทต้องเป็นการเจตนาใส่ความต่อบุคคลที่สาม “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา “หมายถึง การกระทำใดๆ ที่ทำให้ข้อเท็จจริงนั้นแพร่หลายไปยังบุคคลภายนอกในลักษณะวงกว้าง และเป็นความผิดสำเร็จทันทีที่มีการจำหน่ายหนังสือพิมพ์ หรือโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊ค นั้น

แอบอัดเสียงไว้ก็ใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้ !!

แอบอัดเสียงไว้ก็ใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้!! หลายคนคงเคยได้ยิน หรือเข้าใจว่าการแอบบันทึกเทป บันทึกภาพเคลื่อนไหว หรือบันทึกเสียงในขณะที่มีการสนทนากัน โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้นั้น เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ และนำไปใช้ในศาลไม่ได้ แต่อีกหลายคนที่เคยขึ้นศาลกลับบอกว่าได้สิ!! ฉันก็เคยใช้มาก่อน!! ซึ่งเป็นประเด็นที่น่า สนใจว่าสรุป การแอบบันทึกเทปภาพเคลื่อนไหวในขณะที่มีการสนทนากัน สามารถใช้เป็นประเด็นในชั้นศาลได้หรือไม่ FINDMYLAWYER​ ขอไขข้อข้องใจแบบนี้ค่ะ กฎหมาย ป.วิ.อ. มาตรา 226​ กำหนดว่า ห้ามศาลรับฟัง การแอบบันทึกเทปหรือภาพเคลื่อนไหวในขณะที่มีการสนทนากันจริง!! แต่การห้ามดังกล่าว ห้ามนำมาใช้บังคับเฉพาะกรณีเจ้าพนักงานของรัฐที่แอบบันทึกเทป บันทึกภาพเคลื่อนไหว หรือบันทึกเสียงเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันมิให้เจ้าพนักงานของรัฐใช้วิธีการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบนั่นเอง ( แต่ก็มีข้อยกเว้นนะ ต่อให้เจ้าหน้าที่รัฐแอบบันทึกเทปบันทึกภาพเคลื่อนไหวจริง แต่หากศาลมองว่า หลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสีย ก็สามารถนำหลักฐานมาใช้ได้)​ ส่วนที่ประชาชนแอบบันทึกภาพ บันทึกภาพเคลื่อนไหวและเสียง หรือบันทึกเสียงอย่างเดียว ประชาชนยังสามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้ ไม่ถือว่าเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยไม่ชอบ ติดต่องาน Info@legalclinic.co.th #Findmylawyer #แอบอัดเสียง #อัดเสียง #พยาน

รถหายในระหว่างผ่อน ไม่ต้องส่งต่อ!!

รถหายในระหว่างผ่อน ไม่ต้องส่งต่อ!! คงเป็นปัญหาที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองใช่มั้ยคะ เพราะกว่าจะดาวน์รถกว่าจะผ่อนมาแต่ละงวดเลือดตาแทบกระเด็นเลยทีเดียว แต่เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมหรือความประมาทของเจ้าของรถเอง และขอเรื่องดังกล่าวเคยเกิดขึ้น วันนี้จึงหยิบยกข้อกฎหมายมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ กรณีที่รถหายในระหว่างผ่อน ว่าเรายังมีสิทธิหน้าที่อย่างไร ถ้าการสูญหายนั้น ไม่ได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้เช่าซื้อ เมื่อทรัพย์สินที่เช่าซื้อสูญหาย สัญญาเช่าซื้อย่อมระงับไป ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชอบในการชำระค่าเช่าซื้ออีกต่อไป​ พูดง่ายๆก็คือ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ประมาทแต่ยังหายอีกก็ไม่ต้องผ่อนต่อ (ฎีกา2772 / 2560) แต่อีกในกรณีหนึ่งตรงข้ามกันเลย คือการสูญหายหรือถูกโจรกรรม เกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าของรถเอง​ เข่น สตาทรถทิ้งไว้ แล้วลงไปซื้อของ กรณีแบบนี้ประมาทความเลินเล่อของเจ้าของรถเอง ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยต่อเจ้าของรถแต่อย่างใด (ฎีกา1305/2559) อ่านมาถึงตรงนี้ นอกจากจะมีข้อกฎหมายให้เพื่อนๆได้อัพเดทแล้วก็อยากให้ระมัดระวังในการใช้ชีวิตกันให้มากขึ้นด้วยนะคะ ติดต่องาน Info@legalclinic.co.th #Findmylawyer

แสดงความเห็นยังไงไม่ให้ถูกฟ้องหมิ่นประมาท ในปัจจุบันมีตัวอย่างให้เห็นมากมายกับการคอมเม้นต์แสดงความคิดเห็น บางคนก็ไปว่าให้เขาเสียหายทั้งทั้งที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ว่ากันสนุกปาก บางคนก็ถูกฟ้องมาแล้วก็เข็ดหลาบแต่บางคนมันก็อดไม่ได้จริงๆ จึงเกิดเป็นข้อสงสัยมาว่าเราต้องคอมเม้นต์แบบไหนล่ะถึงจะไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท โพสต์นี้มีคำตอบมาลองอ่านนะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต (1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม (2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ (3) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ (4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท เช่น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3546/2558 ข่าวเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและมีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนพื้นที่สวนป่าเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจเพราะมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนในสังคม และข้อเท็จจริงตามที่จำเลยที่ 1 นำมาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของตนเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการสืบสวนและสอบสวนของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงเจ้าพนักงานตำรวจ เมื่อจำเลยทั้งสองในฐานะสื่อมวลชนมีหน้าที่เสนอข่าวสารที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองให้ประชาชนทราบโดยเสนอข้อมูลไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องสืบสวนและสอบสวนได้ความ หาใช่เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองสร้างขึ้นมาเองไม่ แม้ข้อความบางส่วนอาจทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดด้วยอันเป็นการใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย โดยที่โจทก์ยังมิได้ถูกเรียกไปแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดี แต่การดำเนินคดีก็เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานผู้เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการได้ภายในกำหนดอายุความ อีกทั้งการนำเสนอข่าวสารเชิงวิเคราะห์ของจำเลยทั้งสอง ก็เป็นการติชมวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความมาจากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องโดยสุจริตและติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ดังนั้นจำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ป.อ. มาตรา 329 (3) จากคำพิพากษาศาลฎีกา แม้จะเห็นได้ว่าการเผยแพร่ข้อความใดๆ โดยสุจริตตามมาตรา 329 จะไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทก็ตาม แต่ก็ไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายหรือผู้ที่ถูกกระทบกระเทือนสิทธิจากการเผยแพร่ข้อความดังกล่าวดำเนินการตามกฎหมาย...

แม่เคยยกที่ดินให้ เมื่อลูกอกตัญญู แม่ขอถอนการให้ได้!!

แม่เคยยกที่ดินให้ เมื่อลูกอกตัญญู แม่ขอถอนการให้ได้!! วันนี้ช่วง 6 โมงเช้ามีสายของ สหายต่างวัยท่านหนึ่งโทรมาปรึกษาข้อกฎหมาย ก่อนที่จะสอบถามว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง แน่นอนว่าต้องบ่นก่อนอยู่แล้ว เพราะว่ามีเรื่องด่วนอะไรถึงต้องโทรมาปรึกษาในยามเช้าขนาดนี้ แต่เมื่อได้ฟังที่มาที่ไปก็เข้าใจว่าทำไมเขาทุกข์ใจ เรื่องราวมีว่า เขามอบที่ดินให้ลูกชาย ยกให้ (ไม่ใช่พินัยกรรมนะ เค้ายังไม่ตาย) ให้ตอนมีชีวิต ต่อมาลูกชายมีภรรยา และภรรยามองว่าอยากมีแค่ พ่อ แม่ ลูก เลยขอให้ตัวพี่ที่มาปรึกษา ซึ่งเป็นแม่ ออกจากที่ดังกล่าว ซึ่งแม่ก็บอกว่าถ้าออกไปก็ไม่มีที่อยู่ พอไม่ออกก็ไม่หยิบยื่นข้าว น้ำ กรณีแบบนี้ พี่เขาจะทำไงได้บ้าง?? ฟังจบสาย ก่อนเข้าข้อกฎหมายอยากจะขอด่าก่อน แต่การด่าไม่ใช่กิจของทนายอ่ะเนอะ เลยเล่าข้อกฎหมายให้ฟังไป แบบนี้ การยกที่ดินให้ ไปไปโอนมาแล้ว จะถอนการให้ไม่ได้ เว้นแต่เหตุผู้รับเนรคุณ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 531 (เหตุเนรคุณ มีดังนี้) (1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา หรือ(2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้” แต่ใช่ว่าจะเรียกคืนได้ทุกกรณี การให้ที่ไม่สามารถที่จะฟ้องขอเพิกถอนคืนการให้ เพราะเหตุเนรคุณ ได้แก่ 1 เมื่อผู้ให้ได้ให้อภัยผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณแล้ว 2 เมื่อผู้ให้ถึงแก่ความตาย โดยไม่ได้ฟ้องคดีไว้ ทายาทจะฟ้องเองไม่ได้ 3 ให้ตอบแทนการทำงาน...

ไม่ได้จดทะเบียนแต่อยู่กินเป็นคู่ชีวิต  เมื่อเลิกราจะแบ่งทรัพย์สินกันอย่างไร ?

ไม่ได้จดทะเบียนแต่อยู่กินเป็นคู่ชีวิต เมื่อเลิกราจะแบ่งทรัพย์สินกันอย่างไร?? เรื่องนี้เป็นประเด็นน่าคิด เพราะถ้าจดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมายเมื่อมีการเลิกราหรือแม้แต่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตลงอีกฝ่ายหนึ่งก็จะได้รับสินสมรสไปครึ่งนึง ตามมาตรา 1457  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้บัญญัติไว้ว่า “การสมรสจะมีได้เมื่อได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วเท่านั้น” ดังนั้น ชายและหญิงที่อยู่ด้วยกัน ไม่จดทะเบียน แม้มีงาน แต่งใหญ่โต จึงไม่เป็นคู่สมรสต่อกัน “สินสมรสจึงยังไม่เกิดขึ้น” ดังนั้น สามีภริยาหากอยู่ด้วยกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส ทรัพย์สินที่หามาได้ร่วมกัน เรียกว่าเป็น “กรรมสิทธิ์รวม” แต่สินสมรส เพราะถือว่าเป็นภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิ์ฟ้องแบ่งตามหลักสินสมรส การฟ้องจึงต้องฟ้องศาลในคดีแพ่ง เพื่อขอให้แบ่งทรัพย์สินในกรรมสิทธิ์รวมนั้น โดยกรรมสิทธิ์รวมนั้น หลักคือ ใครหามาคนนั้นได้ไป แต่ถ้าช่วยกันหามาต้องแบ่งตามสัดส่วน หากหาสัดส่วนไม่ได้ก็ต้องแบ่งครึ่ง เช่น ทำมาหากินเปิดร้านค้าด้วยกัน และเก็บเงินซื้อรถ ซื้อที่ดิน ปลูกบ้าน แบบนี้ถ้าพิสูจน์ได้ชัดเจนถึงการทำมาหาได้ร่วมกัน จะถือเป็นกรรมสิทธิ์รวม ที่จะต้องมาแบ่ง แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ อีกฝ่ายพิสูจน์หามาเอง จะถือว่าเป็นเงินส่วนตัว ไม่ใช่กรรมสิทธิ์รวมแต่อย่างใด เพราะมิใช่เงินที่ได้มาจากการลงน้ำพักน้ำแรงร่วมกัน และสำหรับใครที่มีปัญหาด้านกฎหมายต้องการติดต่อหาทนายความเพื่อดำเนินการใช้สิทธิ์เรียกร้องตามกฏหมาย หรือแม้แต่ขั้นตอนการสืบบุคคล สืบทรัพย์สินก็สามารถติดต่อได้ที่ info@legalclinic.co.th  

ส่งแชทมาด่าตัวต่อตัว ไม่เข้าข่ายดูหมิ่นซึ่งหน้า ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท

ส่งแชทมาด่าตัวต่อตัว ไม่เข้าข่ายดูหมิ่นซึ่งหน้า ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท!! อ่านหัวข้อเข้าไปบางคนถึงกับถามเลยว่าอ้าวทำไมเป็นแบบนั้นล่ะพี่ทนายก็เค้าด่าหนูอ่ะจะไม่หมิ่นประมาจะไม่ดูหมิ่นซึ่งหน้าได้ยังไง?? ก่อนอื่นคงต้องขอยกองค์ประกอบกฏหมายอาญาเกี่ยวกับความผิดซึ่งหน้าในมาตรา 393 ที่วางหลักว่า “ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ดังนั้น หากมีการส่งข้อความมาด่าทอ ย่อมไม่เป็น ซึ่งหน่า เพราะ ซึ่งหน้า คือ ต่อหน้าหรือในระยะที่ได้ยินได้หรือรับรู้ในขณะนั้นได้ทันที แต่หากอยู่กันคนละที่ซึ่งห่างไกลหรือเป็นการด่ากันทางโทรศัพท์ ไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า ส่วนหมิ่นประมาทก็ไม่ผิดเช่นกันเพราะ มาตรา 326 ระบุว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน หมิ่นประมาท..” ดังนั้นการส่งข้อความด่าทอกันเพียงสองคน ไม่มีบุคคลที่สาม จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 326 เช่นกัน แล้วอย่างนี้จะเอาผิดได้ยังไง?? หากใครมีข้อสงสัยเช่นนี้อาจจะต้องดูลักษณะข้อความว่าลักษณะข้อความในการด่าทอเป็นอย่างไรหากมีลักษณะในการกรรโชกทรัพย์ข่มขู่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สามารถเอาผิดได้แต่ก็ไม่ใช่สองข้อหาที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ และสำหรับใครที่มีปัญหาด้านกฎหมายต้องการติดต่อหาทนายความเพื่อดำเนินการใช้สิทธิ์เรียกร้องตามกฏหมาย หรือแม้แต่ขั้นตอนการสืบบุคคล สืบทรัพย์สินก็สามารถติดต่อได้ที่ info@legalclinic.co.th

ข้างบ้านส่งเสียงดังรบกวน มีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ?

เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวนะคะหลายคนก็จะเจอปัญหากับที่ข้างบ้านมีปาร์ตี้เสียงดังจากการสังสรรค์ ขอความร่วมมือก็แล้วบอกดีดีก็แล้ว ก็ยังจะส่งเสียงดังรบกวนในกรณีนี้มีความผิดตามกฏหมายหรือไม่มาฟังกันค่ะ 1. ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 370 ระบุไว้ว่า “ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท” กรณีนี้สามารถไปแจ้งที่สน. ใกล้บ้านได้เลยนะคะ 2. บัญญัติการสาธารณสุข 2535 มาตรา 26 ระบุว่า “ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจห้ามผู้ใดผู้หนึ่งมิให้ก่อเหตุรำคาญ ในที่ หรือทางสาธารณะหรือสถานที่เอกชนรวมทั้งการระงับเหตุรำคาญด้วย ตลอดทั้งการดูแล ปรับปรุง บำรุงรักษา บรรดาถนน ทางบก ทางน้ำ รางระบายน้ำ คู คลอง และสถานที่ต่าง ๆ ในเขตของตนให้ปราศจากเหตุรำคาญในการนี้ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเพื่อระงับ กำจัด และควบคุมเหตุรำคาญต่าง ๆ ได้ ดังนั้น หากเกิดกรณีข้างบ้านเสียงดังถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่มีอำนาจห้ามไม่ให้ผู้ใดก่อเหตุรำคาญในที่สาธารณะหรือสถานที่เอกชนสามารถเข้ามาระงับกรณีข้างบ้านเปิดเพลงเสียงดังได้ค่ะ 3. ประมวลกฎหมายและพาณิชย์มาตรา 1337 ที่กำหนดให้เจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนรำคาญ มีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากข้างบ้านเปิดเพลงเสียงดังได้ด้วย วันหยุดพักผ่อนเป็นวันที่ทุกคนต่างอยากพักผ่อนนะคะการพักผ่อนของแต่ละคนแตกต่างกันบางคนชอบปาร์ตี้สังสรรค์บางคนเพียงได้พักผ่อนเงียบเงียบอ่านหนังสือจิบกาแฟหรืออยู่กับครอบครัวก็เป็นการพักผ่อนเช่นกันดังนั้นต่างคนควรใช้สิทธิ์ให้อยู่ในขอบเขตไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนจะเป็นการดีที่สุดค่ะ

จอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่นผิดกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ!!

จอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่นผิดกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ!! ปัญหาสุดคลาสสิคสำหรับชาวบางกอก เมืองเล็กๆ ที่รถเพียบบบ และเป็นปัญหาที่ตัวแอดมินเองเคยเจอด้วย ในส่วนของแอดมินที่เคยเจอนั้น เพื่อนบ้านบอกว่า “ ก็ไม่เห็นมีรถเข้าออก ขอจอดแปะหน้าบ้านไว้หน่อยจะเป็นไรไปไม่มีน้ำใจเลย” พอเราบอกว่ามันทำไม่ได้ คุณเพื่อนบ้านตัวดีก็ถามเลยว่า “ผิดกฎหมายข้อไหนไม่ทราบ?” วันนี้เลยเป็นโอกาสดีที่จะมาบอกให้ฟังค่ะว่าการกระทำแบบนี้ผิดกฎหมายข้อไหนบ้าง ก่อนอื่นต้องบอกว่าการจอดรถตรงหน้าบ้านคนอื่นหากเป็นการกีดขวางทางเข้าออกนี่ผิดกฎหมายหลายฉบับเลยนะคะเริ่มจากฉบับแรกคือ 1. ผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 55 (6) ที่ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่หยุดรถ * ในช่องเดินรถ เว้นแต่หยุดชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถในกรณีที่ไม่มีช่องเดินรถประจำทาง * บนทางเท้า * บนสะพานหรือในอุโมงค์ * ในทางร่วมทางแยก * ในเขตที่มีเครื่องหมายจราจรห้ามหยุดรถ * ตรงปากทางเข้า-ออกของอาคารหรือทางเดินรถ * ในเขตปลอดภัย * จอดในลักษณะกีดขวางการจราจร – [ ] ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง ฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญ มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 1 เดือน...

ตั้งผู้จัดการมรดกใช้เอกสารอะไรบ้าง ?

ตั้งผู้จัดการมรดกใช้เอกสารอะไรบ้าง ก่อนอื่นต้องทราบว่า ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ในการจัดการมรดก โดยมีหน้าที่รวบรวมทรัพย์มรดก เพื่อแบ่งให้ทายาทโดยธรรม หรือผู้รับพินัยกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มารตรา 1719 ไม่ได้หมายความถึงคนไหนเป็นผู้จัดการมรดก คนนั้นได้ทรัพย์มรดกทั้งหมด อันนั้นเป็นความเข้าใจผิดใหญ่หลวงเลยทีเดียว ผู้จัดการมรดกคนไหน ไม่แบ่งให้ทายาทแล้วไปโอนเป็นชื่อตัวเอง อาจเข้าฐานยักยอกทรัพย์มรดก (คำพิพากษาฎีกาที่ 6429/2562) ส่วนเอกสาร ที่ใช้ประกอบ ในการยื่นคำร้องในการเป็นผู้จัดการมรดก มีดังนี้ 1. สำเนาใบมรณบัตรของผู้ตาย 2. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ตาย 3. สำเนา บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก 4. บัญชีเครือญาติ (สามารถดาวโหลด หรือหาตัวอย่างได้จาก google) 5. สำเนาใบมรณบัตรของบิดามารดาของผู้ตาย 6. สำเนาทะเบียนสมรส/หรือทะเบียนการหย่าของผู้ตาย (ถ้ามี) 7. สูติบัตรของบุตรของผู้ตาย 8. พินัยกรรม ของ ผู้ตาย (ถ้ามี) 9. หนังสือ ให้ความยินยอม ในการร้องขอจัดการมรดก (สามารถดาวโหลด หรือหาตัวอย่างได้จาก google) รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน+ ทะเบียนบ้านของผู้ให้ความยินยอมทุกคน 10. เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดก...