กรุณารอสักครู่

 

HomeCategoryกฏหมายแรงงาน Archives - Page 38 of 75 - บริษัท ลีกัล คลินิก แอนด์ เอดดูเคชั่น จำกัด

นายจ้างด่าสาดเสียเทเสีย เอาผิดอะไรได้บ้าง ?

นายจ้างด่าสาดเสียเทเสีย เอาผิดอะไรได้บ้าง ? อาทิตย์ก่อนแชร์ไปในมุมว่าถ้าลูกจ้างโพสต์ด่านายจ้างนายจ้างสามารถเลือกจ้างได้จึงเกิดประเด็นคำถามว่าแล้วท่านนายจ้างด่าลูกจ้างเสียๆหายๆล่ะลูกจ้างทำอะไรได้บ้าง เอาในมุมกฎหมายก่อนนะ 1.การที่ผู้บังคั่บรังแก ข่มเหง คุกูคาม หรือกระทำการให้ได้รับความอับอาย การกระทำนั้น อาจเป็นความผิดอาญา ตามมาตรา 397 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำการให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล หรือเป็นการทำในลักษณะส่อไปในทางล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจํำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสองเป็นการกระทำโดยเหตุที่ผู้กระทำมีอำนาจเหนือผู้ถูกกระทำ อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจเหนือประการอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท” 2.ที่นี้ ในทางปฏิบัติก็เกิดคำถามอีกว่าแล้วเราไปแจ้งความในข้อหานี้เลยได้หรือไม่ ถ้าตอบตามหลักกฎหมายเมื่อครบองค์ประกอบความผิดก็แจ้งได้เลยแต่ในหลักความเป็นจริงเราอาจจะต้องดู บริบทรอบๆตัวเราด้วยว่าเราพร้อมไหม เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีการแจ้งความแล้วการกลับมาทำงานอยู่ร่วมกันอีกก็อาจจะเป็นไปได้ยาก 3.ส่วนในมุมของการบริหารบุคคลนั้นตัวทนายเองก็เคยพบเห็นมาบ้างกับหัวหน้างานที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงมากเกินไป เช่น ด่าลูกน้องไอ้ควาย ไอ้โง่ ลาออกไปไถนา เป็นต้นซึ่งก็สงสัยเหมือนกันว่า บริษัทเก็บบุคลากรเหล่านี้ไว้เพราะอะไร แต่เมื่อมองอีกมุมมอง ก็เป็นได้ว่าบุคลากรเหล่านี้อาจจะอยู่มานาน หรือทำคุณประโยชน์ให้กับบริษัท ก็เป็นได้ ดังนั้น หากยังไม่ประสงค์หรือยังไม่พร้อมใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย อีกวิธีเลี่ยงที่ดี คือเรียนรู้งานให้ไวที่สุดและ หากยังและ หากยังต้องทำงานร่วมกับหัวหน้างานคนนั้น ลองศึกษาแนวทางการทำงาน นิสัยใจคอดูเพื่อลดการกระทบกระทั่ง แต่หากยังต้องเจออะไรที่ไม่ควรต้องเจอ...

ลูกจ้างไม่รู้ว่าเกษียณตามข้อบังคับแล้ว แต่มาลาออกเพื่อต้องการเกษียณ กรณีเช่นนี้นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยหรือไม่ ?

ลูกจ้างไม่รู้ว่าเกษียณตามข้อบังคับแล้ว แต่มาลาออกเพื่อต้องการเกษียณ กรณีเช่นนี้นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยหรือไม่? สำหรับประเด็นเรื่องการเกษียณเป็นอีกปัญหาที่นายจ้างหลายๆ บริษัทยังคงสับสนในข้อกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีที่ลูกจ้างถึงอายุเกษียณอายุแล้วแต่ไม่ได้เกษียณอายุจริง นายจ้างและลูกจ้างตกลงให้ทำงานต่อไปจนสับสนไปหมดว่าสรุปแล้วจะเกษียณอายุเมื่อไหร่กันแน่ วันนี้ทางเพจจึงมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเกษียณอายุมาแชร์ให้ทุกคนเช่นเคย สำหรับการเกษียณอายุนั้น เป็นสิทธิของลูกจ้างที่จะเกษียณอายุตามข้อบังคับฯ ของบริษัท และการเกษียณถือเป็นการเลิกจ้างอย่างหนึ่งที่นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย แต่หากลูกจ้างไม่เกษียณอายุและแสดงความประสงค์ขอทำงานต่อ และนายจ้างตกลงให้ทำงานต่อ เช่นนี้ลูกจ้างก็สามารถเก็บสิทธิเกษียณอายุไว้และแจ้งความประสงค์ต่อนายจ้างในภายหลังได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีเคสนึงเกิดขึ้นและเป็นกรณีที่น่าสนใจ คือ เมื่อลูกจ้างอายุครบ 60 ปีแล้วแต่ยังคงทำงานต่อไปเพราะไม่รู้ว่าตัวเองต้องเกษียณอายุตามข้อบังคับบริษัทฯ แล้ว นายจ้างก็ไม่ได้แจ้งให้เกษียณอายุและอนุญาตให้ทำงานต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลูกจ้างมาขอลาออกหลังอายุ 60 พร้อมทั้งแจ้งว่าขอลาออกเพราะอยากเกษียณอายุ ไม่อยากทำงานต่อไป กรณีเช่นนี้จะว่าถือเป็นการเกษียณหรือลาออกกันแน่?​ คำตอบก็คือ แม้ว่าลูกจ้างจะมาลาออกก็ตาม แต่การลาออกของลูกจ้างเป็นการแจ้งความประสงค์หรือเจตนาว่าจะเกษียณอายุ ดังนั้นถือเป็นการเกษียณอายุ ไม่ใช่การลาออก และนายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย เห็นได้ว่า กฎหมายถือเจตนาของลูกจ้างเป็นหลัก ดังนั้นบริษัทใดมีพนักงานที่จะเกษียณอายุ อย่าลืมแจ้งการเกษียณอายุให้พนักงานทราบให้เรียบร้อยเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนที่อาจเกิดขึ้นจากการเกษียณอายุนะคะ

ทำข้อสัญญาไว้ว่าหากลาออกไม่ถูกต้องให้นายจ้างหักค่าจ้างได้ นายจ้างจะหักค่าจ้างโดยอ้างสัญญาได้หรือไม่ ?

ทำข้อสัญญาไว้ว่าหากลาออกไม่ถูกต้องให้นายจ้างหักค่าจ้างได้ นายจ้างจะหักค่าจ้างโดยอ้างสัญญาได้หรือไม่ ? ในการทำสัญญาจ้างแรงงานอาจมีการตกลงกันหลายข้อ และหากพนักงานหรือลูกจ้างผิดสัญญาก็ยินยอมให้บริษัทนายจ้างหักค่าจ้างได้ เช่น ยินยอมให้หักค่าจ้างได้หากพนักงานลางานไม่แจ้งล่วงหน้า หรือลาออกโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า 1 เดือน หรือยื่นใบลาออกแล้วออกไปทันที ไม่รอให้ครบ 1 เดือนก่อนค่อยไป เป็นต้น ปัจจุบันนี้มีนายจ้างหลายคนปฏิบัติในลักษณะนี้ แต่ ณ จุดนี้ อยากให้นายจ้างทุกคนเข้าใจหลักกฎหมายก่อนว่า มาตรา 76 ห้ามมิให้หักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าทำงานในวันหยุด ดังนั้น แม้ว่านายจ้างจะเขียนสัญญาว่าหากผิดสัญญาจึงหักค่าจ้างได้ อันจะถือว่าลูกจ้างยินยอมตกลงให้หักค่าจ้างก็หักไม่ได้ (คำพิพากษาฎีกาที่ 1458/2548) เพราะการทำความตกลงที่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายคุ้มครองแรงงาน (มาตรา 76) เท่ากับว่าเป็นการทำข้อตกลงให้ “ขัด” หรือ “แย้ง” กับกฎหมาย ข้อตกลงหักค่าจ้างจึงเป็นโมฆะ และมีความผิดอาญา ดังนั้นเมื่อพนักงานหรือลูกจ้างมาทำงานมีสิทธิได้ค่าจ้าง นายจ้างจะหักค่าจ้างไม่ได้ เช่น ลูกจ้างมาทำงานวันที่ 1-15 และยื่นใบลาออกวันที่ 15 ปรากฏว่าวันที่ 16 ไม่มาทำงานแล้ว เช่นนี้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันที่ 1-15 อยู่ จะมาอ้างเรื่องลาออกผิดระเบียบหรืออ้างข้อสัญญาเพื่อหักค่าจ้างของลูกจ้างไม่ได้...

ข้อยกเว้นที่ลูกจ้าง “ไม่ได้รับค่าชดเชย”

ข้อยกเว้นที่ลูกจ้างไม่ได้รับค่าชดเชย แม้ว่าลูกจ้างจะต้องได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายแรงงาน แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นที่นายจ้างจะไม่ต้องจ่ายเงินให้กับลูกจ้าง ดังนี้ 1. ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดทางอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง 2. จงใจให้นายจ้างได้รับความเสียหาย 3. ประมาทเลินเล่อ จนนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง 4. ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับของนายจ้าง โดยได้รับหนังสือเตือนแล้ว หรือหากเป็นกรณีร้ายแรงก็ไม่จำเป็นต้องมีหนังสือเตือน (หนังสือเตือนมีอายุ 1 ปีนับจากวันที่ทำผิด ไม่ใช่วันที่ได้รับ) 5. หยุดงานติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันควร (ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตาม) 6. ได้รับโทษหรือได้รับคำพิพากษาให้จำคุก

ประเด็นที่ต้องทราบเกี่ยวกับช่วงทดลองงาน

ประเด็นที่ต้องทราบเกี่ยวกับช่วงทดลองงาน เรื่องการทดลองงานนี้ มีคำถามมาหลากหลายประเด็นทั้งในมุมลูกจ้าง-นายจ้าง ที่น่าจะยังเข้าในผิดกันอยู่ เช่น 1. ระหว่างทดลองงานห้ามลาป่วย 2.ทดลองงานสามารถเลิกจ้างได้เลย โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า 3.ช่วงทดลองงานห้ามลากิจ หากลามีสิทธิหักเงิน และกับอีกความเข้าใจผิดสุดๆที่ก่อให้เกิดปัญหามากับฝ่ายนายจ้างหลายครั้ง เพราะเข้าใจว่าพนักงานที่อยู่ในช่วงทดลองงานนั้นเป็นพนักงานชั่วคราว ส่วนคำตอบจะเป็นอย่างไรนั้น ความจริงมีเพียงสิ่งเดียวววเท่านั้นนนน มาดูกัน 🤓🤓 พนักงานทดลองงานนั้นมีฐานะเป็น “ลูกจ้าง” และมีสิทธิได้ผลประโยชน์ตลอดจนความคุ้มครองตามกฏหมายนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน เช่นเดียวกับพนักงานประจำ เช่น 1. ระหว่างทดลองงานลูกจ้างให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง การลาป่วยตั้งแต่สามวันทำงานขึ้นไป นายจ้างอาจให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองแพทย์ (พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 32 )​ ข้อสังเกตุ : แต่อาการเจ็บป่วยบ่อยๆ ลูกจ้างก็ต้องรับทราบด้วยว่า อาจจะมีผลในการประเมินเรื่องสมรรถนะ ความสามารถในการปฎิบัติงานด้วย 2. ถ้าสัญญาจ้างทดลองงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดสัญญาไว้ แต่เป็นปลายเปิด เช่น เริ่มต้นงานวันไหน และมีช่วงทดลองงาน 119 วัน แต่ไม่ได้บอกวันสิ้นสุด เช่นนี้ ถือเป็นสัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา ถ้านายจ้างประเมินแล้วว่าความสามารถ ทัศนคติ หรือสมรรถนะของลูกจ้างไม่เหมาะกับการร่วมงาน ก็ต้องบอกล่วงหน้ากับลูกจ้างไม่น้อยกว่าหนึ่งคราวการจ่ายค่าจ้าง ไม่ใช่ว่า 119...

ลูกจ้างลาออก ลบไฟล์งานออกทั้งหมด นายจ้างฟ้องได้

ลูกจ้างลาออก ลบไฟล์งานออกทั้งหมด นายจ้างฟ้องได้ ก่อนที่จะไปข้อกฎหมายขอแสดงความเห็นส่วนตัวนะ… คือเป็นอะไรกัน เจ็บแค้นเคืองโกรธไม่อยากร่วมงานไม่อยากเห็นหน้าก็ลาออกซะแต่อย่าไปทำประเภทที่ว่าลบไฟล์ ไม่คืน Notebook คือมันไม่มีอะไรดีแถมเสี่ยงโดนฟ้องด้วย. .. เกลียดกันไม่อยากเห็นหน้ากันถ้าลาออกแล้ว ก็จบให้สง่าผ่าเผย มันดีกว่าให้คนมาด่าตามหลังแน่นอน ระบายความในใจเสร็จแล้วมาเข้าเรื่องกฎหมายต่อ… กรณีที่สิ้นสุดสภาพการจ้างโรงไม่ว่าจะด้วยการลาออกเลิกจ้างหรืออะไรก็ตามหากลูกจ้างมีทรัพย์สินที่ต้องคืนนายจ้างเช่นโทรศัพท์ Notebook ลูกจ้างก็ต้องนำไปคืนซะนั่นรวมถึงไฟล์งานต่างๆที่ได้ทำในระหว่างการทำงานที่ผ่านมาด้วย ถามว่าตรงนี้มีกฎหมายมาตราไหนระบุไว้… ไม่มีมาตราไหนระบุไว้ตรงตัวขนาดนั้นหรอกค่ะ และก็ไม่ใช่หลักการของมารยาทเพียงอย่างเดียวแต่เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ของกฎหมายโดยการอ้างคำพิพากษาที่ 546 1/2555 ที่ลูกจ้างฟ้องเรียกค่าชดเชยและสิน จ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากนายจ้าง และนายจ้างได้ฟ้องแย้ง เรียกค่าเสียหายจากลูกจ้าง ที่มีหน้าที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ โดยนายจ้างฟ้องว่า คุณลูกจ้างเนี่ย จงใจไม่ส่ง มอบงานเกี่ยวกับระบบ ไม่ยอมส่งมอบรหัสหรือ ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นเหตุให้ระบบคอมฯไม่อาจทำงานได้ต้องจ้างบุคคลภายนอกมาดำเนินการ เสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 2.6 แสนบาทเศษ สรุปในคดีนี้ศาลก็ให้ลูกจ้างจ่ายค่าความเสียหายดังกล่าวให้แก่นายจ้างแต่เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ซึ่งอยู่ดีๆศาลก็ไม่ได้ตัดสินว่า 10,000 บาทนะคะแต่ต้องพยานหลักฐานในชั้นศาลด้วยว่าแต่ละฝ่ายนำเสนออย่างไร สรุป ถ้าจะลาออกอะไรที่เป็นข้อมูลก็ส่งมอบให้เขาให้หมดจบๆกันไป ถ้า มันไม่ดีก็ให้เรียกว่า ยังมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน อาจจะมีโอกาสวนมาร่วมงานกันใหม่ในภายภาคหน้านะ

ข้อกำหนดของประกันสังคมได้กำหนดไว้ว่า….

ข้อกำหนดของประกันสังคมได้กำหนดไว้ว่า “นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1คนขึ้นไป จะต้องขึ้นทะเบียนนายจ้าง พร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้าง เป็นผู้ประกันตนด้วยกับทาจประกันสังคม โดยต้องขึ้นทะเบียนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่มีการจ้างงาน เมื่อมีการจ้างลูกจ้างใหม่ก็จะต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายในกำหนด 30 วัน เช่นเดียวกันและเมื่อมีลูกจ้างลาออกไปนายจ้างก็มีหน้าที่ต้องแจ้งเอาชื่อลูกจ้างออกจากประกันสังคมด้วยเช่นเดียวกัน โดยต้องระบุสาเหตุของการออกจากงานต้องแจ้งภายใน 15 วันของเดือนถัดไป กรณีนายจ้างไม่จ่ายเงินสมทมประกันสังคมให้กับลูกจ้าง นายจ้างจะมีความผิตตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ต้องธะวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีนายจ้างจ่ายเงินสมทมประกันสังคมไม่ครบถ้วน จะต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของเงินสมแทนที่จ่ายขาด กรณีนายจ้างจ่ายเงินสมทบประกันสังคมล่าช้า เกินวันที่ 15 ของเดือนถัดไป นับจากเดือนที่ายเงินเดือนไห้ลูกจ้าง จะต้องจ่ายเงินเพิ่มร้อยละ 2 ต่อเดือน นับจากวันที่ครบกำหนด เช่น ค่าจ้างจวดเดือนมีนาคม นายจ้างจะต้องหักเงินสมทมและปาส่ง ประกันสังคมภายในวันที่ 15 เมชายน แต่นายจ้างจ่ายเงินสมทม ประกันสังคมในวันที่ 30 เมษายน ดังนั้นนายจ้างจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม ร้อยละ 2 เป็นเวลา 15...

เตือนด้วยวาจาไม่ถือเป็นการเตือน เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย

เตือนด้วยวาจาไม่ถือเป็นการเตือน เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย ความเกรงใจเป็นสมบัติที่ดี แต่ใช่ให้ถูกที่ถูกเวลาจะลดปัญหาเยอะมากกก โดยเฉพาะในการทำงานร่วมกัน ซึ่งกรณีที่จะนำมาเล่าในวันนี้ก็เกี่ยวกับความเกรงใจแต่เกรงใจเป็นพักๆพักแรกเกรงใจพักต่อมาอยากเลิกจ้างก็เลิกเลย กับกรณี นายจ้างเตือนลูกจ้างที่ทำความผิดเกี่ยวกับวินัยด้วยวาจาหลายครั้ง และไม่เคยออกเป็นหนังสือเลยเพราะรู้สึกว่าออกหนังสือมันรุนแรงไป เกรงใจ และรู้สึกว่าเตือนด้วยวาจาก็เพียงพอ แต่ลูกจ้างก็ยังทำซ้ำๆ จนในที่สุด นายจ้างทนไม่ไหว ขอเลิกจ้าง จึงเป็นประเด็นว่า เมื่อลูกจ้างทำผิดจริง แต่นายจ้างไม่เคยเตือนเป็นหนังสือเลย เตือนด้วยวาจาตลอด แบบนี้เลิกจ้างได้หรือไม่?? มาดูหลักกฎหมายกัน 1. เมื่อลูกจ้างทำผิด นายจ้างต้องออกหนั่งสือเตือน และคนออกหนังสือจะต้องเป็นนายจ้างหรือตัวแทนที่มีอำนาจว่าจ้างหรือเลิกจ้างเท่านั้น 2.การเตือนต้องเป็นลายลักษณ์อักษร การเตือนด้วยวาจาไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม ก็ไม่ใช่ตักเตือนเป็นหนังสือ ไม่ถือเป็นการตักเตือนตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ที่จะมีผลทำ ให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะทำผิดซ้ำคำเตือนโดยไม่ต้องจ่ายค่าซดเซยได้ (อ้างอิงฎีกาที่ 2158/2557) 3.ข้อยกเว้นที่ไม่ต้องออกหนังสือเตือนนั้น ต้องปรากฏว่าลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้าง “ในกรณีที่ร้ายแรง” นายจ้างไม่ ต้องตักเตือนโดยทำเป็นหนังสือ สามารถบอกเลิกจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 17 วรรคท้าย และ มาตรา 119(4) ดังนั้น ในการทำงานร่วมกันการติเพื่อ เตือนเพื่อเปลี่ยนแปลงย่อมทำให้อยู่ร่วมกันได้นานมากขึ้น ที่สำคัญการเตือนเป็นหนังสือ ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงเสมอไป เราสามารถทำได้โดยไม่ทำลายน้ำใจ เพียงแต่เลือกใช้ถ้อยคำให้เหมาะสม

ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้นายจ้างต้องเสียหาย นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้นายจ้างต้องเสียหาย นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย พูดถึงเรื่องลูกจ้างทำให้เกิดความเสียหายนี้ หลายบริษัทก็เคยต้องเจอ แต่การจะเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเลยนั้น ก็ต้องพิจารณาว่าพฤติกรรมที่ลูกจ้างประมาทเลินเล่อมันร้ายแรงหรือไม่อย่างไรและทำให้นายจ้างเสียหายมากน้อยแค่ไหน เรามาดูตัวอย่างที่นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้นะคะ ลูกจ้างปฎิบัติหน้าที่หัวหน้าชุดฝ่ายบริหารเงินสด มีหน้าที่เติมเงินตู้ ATM และรับส่งทรัพย์สิน ได้ทำการเบิกอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนเพื่อใช้ป้องกันดูแลทรัพย์สินจากการถูกโจรกรรมระหว่างที่ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่รับส่งทรัพย์สิน ต่อมาเมื่อลูกจ้างปฏบัติหน้าที่ของตนเองเสร็จสิ้นแล้ว กลับไม่ได้เอาอาวุธปืนที่เบิก คืนให้กับนายจ้างตามระเบียบ เมื่อนายจ้างได้ตรวจสอบก็ได้พบว่า ลูกจ้างนั้นทำอาวุธปืนหาย นายจ้างจึงเลิกจ้างลูกจ้าง เนื่องจากทำทรัพย์สินที่สำคัญของบริษัทหาย เป็นความผิดร้ายแรง ลูกจ้างไม่ยอมและร้องต่อศาลว่านายจ้างทำเกินกว่าเหตุ เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โดยคดีนี้ศาลมองว่าอาวุธปืนนี้เป็นอาวุธโดยสภาพประกอบกับลูกจ้างมีตำแหน่งเป็น หัวหน้าชุดบริหารเงินสดมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย อาวุธปืนที่เบิกไปใช้นั้นก็จำเป็นจะต้องใช้เพื่อปกป้องทรัพย์สินของนายจ้าง และใช้ไปในทางที่ไม่ระมัดระวัง ปล่อยปละ ละเลย มิใช้ความระมัดระวังดูแลอาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรง สามารถทำร้ายผู้อื่นได้ถึงชีวิต การกระทำของลูกจ้างดังกล่าว จึงเป็นกรณีประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน (ฎีกาที่ 2654/2561) เมื่ออ้างอิงจากฎีกาข้างต้นแล้วเราจะมีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงเรื่องตำแหน่งหน้าที่และความเสียหายที่ลูกจ้างก่อให้เกิดด้วยนะคะ จะบอกว่าทุกเรื่องเป็นความเสียหายอันนี้ก็มีความสุ่ทเสี่ยงที่ลูกจ้างฟ้องและนายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยดังนั้นในเรื่องนี้ต้องดูเป็นกรณีไปค่ะ

ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ลาป่วย 30 วันนายจ้างเลิกจ้างได้หรือไม่?

ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ลาป่วย 30 วันนายจ้างเลิกจ้างได้หรือไม่? เรื่องอุบัติเหตุ เจ็บป่วย คงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น นอกจากเสียเวลาแล้วอาจจะบาดเจ็บ เสียทรัพย์สินอื่นๆอีกด้วย มี Fanpage รายหนึ่งสอบถามเข้ามาว่า “ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ และลาป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์ซึ่งปัจจุบันมาทำงานไม่ได้กว่า 30 วันแล้ว บริษัทจะสามารถเลิกจ้างได้หรือไม่ เพราะบริษัทเองก็ไม่สามารถ แบกรับค่าใช้จ่ายได้เช่นกัน?” คลินิกกฎหมายแรงงาน ขอเรียนตอบดังนี้ค่ะ 1. ตามกฎหมายแล้วลูกจ้างมีสิทธิลาปวยได้เท่าที่ป่วยจริง ตามมาตรา 32 และมีสิทธิได้รับค่าจ้างตลอดเวลา ลาป่วย ปีหนึ่งไม่เกิน 30 วันทำงาน ตามมาตรา 57 2.หากลูกจ้างลาป่วยมากไปกว่านั้น จะไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันที่ลาป่วยเกิน 30 วัน รวมถึงลูกจ้างย่อมไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างในวันหยุดประจำสัปดาห์และวันหยุดตาม ประเพณีภายหลังจากวันลาป่วยพันระยะเวลา 30 วัน ทำงานดังกล่าว โดยอาจถือได้ว่าสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดประจำสัปดาห์และวันหยุดตามประเพณีภายหลังวันลาป่วย 30 วันทำงาน ได้เกลื่อนกลืนกันไปในวันลาป่วยของลูกจ้าง ที่ลาป่วยโดยไม่มีสิทธิ์รับค่าจ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ เว้นแต่ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างกำหนดให้จ่าย (อ้างอิง หนังสือข้อหารือกฎหมายแรงาน ที่รง 0504/0876 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2548)...