กรุณารอสักครู่

 

HomeCategoryกฏหมายแรงงาน Archives - Page 10 of 68 - บริษัท ลีกัล คลินิก แอนด์ เอดดูเคชั่น จำกัด

นายจ้างสามารถหักเงินค่าจ้างเพื่อชำระหนี้ “กยศ” ได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมก่อน

นายจ้างสามารถหักเงินค่าจ้างเพื่อชำระหนี้ “กยศ” ได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมก่อน . อันนี้เป็นประเด็นที่มีการสอบถามกันใน Open Chat ว่านายจ้างจำเป็นจะต้องขอความยินยอม ก่อนที่จะหักค่าจ้างผู้ชำระหนี้กองทุนกยศ.หรือไม่?? ตอบใน Open แชทไปแล้วแต่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์และยังมีหลายคนที่สงสัยเลยขอเอามาตอบหน้าเพจด้วย . ลำดับการหักเงินเดือนกองทุนอยู่ในลำดับ 3 โดย . 1. ลำดับแรกเป็นการหักภาษี ณ ที่จ่าย 2. ลำดับที่ 2 หักกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และประกันสังคม และ 3. ลำดับที่ 3 หักเงินกองทุน กยศ. โดยกฎหมายกำหนดให้นายจ้างผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องหักค่าจ้างอันเป็นเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินซึ่งเป็นลูกจ้างเพื่อชำระหนี้กู้ยืมคืนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ ซึ่งถือเป็นการหักเพื่อชำระเงินอื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ตามมาตรา 76 (1) แห่งพรบคุ้มครองแรงงานบริษัทจึงสามารถหักค่าจ้างของลูกจ้างได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน ( ข้อหารือกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานที่รอง 0505/2281 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2564) . และหากนายจ้างไม่ดำเนินการหัก ฯลฯ ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ได้ระบุให้ นายจ้างจะต้องชดใช้เงินที่ต้องนำส่งในส่วนของผู้กู้ยืมเงินตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบและต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินที่นายจ้างยังไม่ได้นำส่งหรือตามจำนวนที่ยังขาดไปแล้วแต่กรณี

เงินชดเชย บริษัทแบ่งจ่ายได้หรือไม่?

เงินชดเชย บริษัทแบ่งจ่ายได้หรือไม่? . เชื่อว่าหลายคนยอมรับข้อเสนอการแบ่งจ่ายค่าชดเชยเพราะเห็นใจกันและกันในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ หากถึงงวดจ่ายแล้วไม่ได้ตามตกลงหล่ะ ไปยังไงต่อนี้ คลินิกกฎหมายแรงงานขอแนะนำสิทธิ เบื้องต้นให้ได้ทราบ ดังนี้ . 1. เมื่อนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยที่ไม่มีเหตุตาม พรบ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 119 นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกจ้างตามอัตราที่ระบุไว้ใน พรบ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 118 . 2. ตามกฎหมายค่าชดเชยจ่ายวันที่เลิกจ้างและไม่สามารถผ่อนค่าชดเชยเป็นงวด ๆ ได้ มิเช่นนั้นนายจ้างจะต้องจ่ายดอกเบี้ยในส่วนที่ค้างจ่ายค่าชดเชย ร้อยละ 15 ต่อปี (ม.9) . 3. กรณีที่นายจ้างไม่สามารถชำระเต็มจำนวน นายจ้างอาจจะทำข้อตกลงกับลูกจ้างโดยขอผ่อนจ่ายได้(กฎหมายไม่ได้ห้าม) กรณีลูกจ้างทำข้อตกลงโดยในข้อตกลงมีข้อความว่าลูกจ้างยินยอมผ่อนจ่ายค่าชดเชยก็สามารถทำได้ เพราะการตกลงผ่อนจ่ายไม่ใช่ข้อตกลงว่าไม่จ่าย และหากตกลงผ่อนชำระแล้วไม่ชำระตามที่ตกลงกันลูกจ้างก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยนั้นได้ (ฎีกาที่ 15780/2555) . 4. การทำข้อตกลงกับลูกจ้างโดยขอผ่อนจ่ายค่าชดเชยจึงสามารถบังคับกันได้ไม่ตกเป็นโมฆะ เพราะลูกจ้างมีอิสระในการตัดสินใจ ไม่อยู่ภายใต้ปังคับของนายจ้าง . 5 ข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้หนี้ค่าชดเชยระงับไป กลายเป็นหนี้ใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ . 6. หากนายจ้างไม่ชำระตามสัญญาก็สามารถฟ้องร้องบังคับที่ศาลแรงงานได้ แต่จะไปยืนคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานให้ออกคำสั่งให้นายจ้างจ่ายไม่ได้เพราะเงินตามสัญญาดังกล่าวมิใช่เงินตามพรบคุ้มครองแรงงานแล้ว ใครพบปัญหานี้อยู่ ลองอ่านให้จบและทบทวนสิทธิหน้าที่ก่อนไปดำเนินการต่อในส่วนที่เกียวข้องนะคะ

โอนย้ายนายจ้างใหม่ ถ้าลูกจ้างไม่ยินยอม ถือว่าเลิกจ้าง นายจ้างเดิมต้องจ่ายชดเชย!

โอนย้ายนายจ้างใหม่ ถ้าลูกจ้างไม่ยินยอม ถือว่าเลิกจ้าง นายจ้างเดิมต้องจ่ายชดเชย!! . มีผู้สอบถามว่า บริษัทเก่าเราขาดทุน เลยต้องปิดกิจการ นายจ้างเลยจะโอนเราไปอีกบริษัท เป็นบริษัทเพื่อน บอกว่าไม่อยากให้เราตกงาน แต่เราไม่อยากไปเลยค่ะ เพราะที่ใหม่ไกลมาก เราต้องทำยังไงต่อคะ ลาออก ใช่ไหม แต่ถ้าลาออกจะไม่ได้ค่าชดเชยใช่รึเปล่าคะ?? . เป็นคำถามที่น่าเอ็นดู และเหตุการณ์ที่น่าเห็นใจทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง เพราะบริษัทเก่าเราขาดทุน นายก็พยายามหางานใหม่ให้ แต่น้องก็ไปลำบาก เอาเป็นว่า วันนี้แจ้งสิทธิตามกฎหมายก่อนแล้วกันเนอะ . กรณีโอนย้ายนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนตัวนายจ้าง ลูกจ้างต้องตกลงโอเคก่อน หากไม่ตกลง โอนไปบริษัทใหม่ และบริษัทนายจ้างปิดตัวลง ไม่มีงาน ไม่มีเงินให้ ถือว่าเลิกจ้างตามม.118 วรรคสอง ต้งจ่ายค่าชดเชยตามระยะเวลาที่ทำงานมา (ฎ. 6943/2557) . กรณีนี้ นายจ้างทำยังไงดี เพร่ะบริษัมก็ปิดตัวเงินทองไม่ค่อยจะมี แถมตามกฎหมายค่าชดเชยจ่ายวันที่เลิกจ้างและไม่สามารถผ่อนค่าชดเชยเป็นงวด ๆ ได้ ไม่งั้นนายจ้างต้องจ่ายดอกเบี้ยในส่วนที่ค้างจ่ายค่าชดเชย ร้อยละ 15 ต่อปี (ม.9 แห่ง พรบ. คุ้มครองแรงงานฯ...

หลังเกษียณอายุนายจ้างจ้างเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ไม่กำหนดเวลาเข้างาน ไม่ใช่จ้างแรงงาน จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชย

หลังเกษียณอายุนายจ้างจ้างเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ไม่กำหนดเวลาเข้างาน ไม่ใช่จ้างแรงงาน จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชย . กรณีการจ้างหลังเกษียณเกิดขึ้นในหลายๆบริษัทเนื่องจากว่าแม้อายุลูกจ้างจะถึงกำหนดระยะเวลาเกษียณไปแล้วแต่เนื่องจากความรู้ความสามารถและศักยภาพยังมีอยู่นายจ้างซึ่งประสงค์จะจ้างต่อไป แต่การจ้างหลังเกษียณนี้ก็มีหลายแบบ . บางแห่งยังจ้างในลักษณะลูกจ้างประจำกรณีนี้เมื่อจะเลิกจ้างก็ยังต้องจ่ายค่าชดเชย แต่ในบางแห่งพิจารณาดูแล้วว่าต่อไปนี้ลูกจ้างไม่ต้องเข้างานเป็นเวลา ขอแค่งานแล้วเสร็จก็พอจึงจ้างเป็นที่ปรึกษา ซึ่งในกรณีหลังนี้แน่นอนว่าไม่ได้ค่าชดเชยเพราะค่าชดเชย จะได้ก็ต่อเมื่อมีนิติสัมพันธ์กันอย่างนายจ้างลูกจ้างเท่านั้น . อย่างไรก็ตามในหลายบริษัทก็จะชอบใช้สัญญาจ้างที่ปรึกษา แต่ลักษณะการทำงานยังเหมือนลูกจ้างประจำทุกอย่างอันนี้ก็ต้องระมัดระวังไว้ แม็กหัวสัญญาจะเขียนว่าจ้างที่ปรึกษาแต่ถ้าลูกจ้างยังต้องสแกนนิ้วเช้าเย็นขาดลามาสายต้องบอกปฏิบัติตนภายใต้ระเบียบข้อบังคับบริษัททุกประการแม้จะเขียนหัวสัญญาจ้างว่าไปจ้างที่ปรึกษาแต่หากจะเลิกจ้างก็ยังต้องจ่ายค่าชดเชยนะคะ ( ฎีกาเทียบเคียงฎีกาที่ 8208/2560)

ชิงลาออกหนีความผิด ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงาน

ชิงลาออกหนีความผิด ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงาน “ กรณีที่นายจ้างพบว่าลูกจ้างกระทำความผิดและกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่นั้นระหว่างดำเนินการสอบสวนลูกจ้างก็ชิงลาออกก่อนที่การสอบสวนจะผิดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเลิกจ้างเนื่องจากกระทำความผิดกลัวว่าจะไม่ได้รับเกินประโยชน์เมื่อออกจากงานตามระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับการทำงาน . กรณีนี้ ผู้ที่สอบถามมา ถามว่า ผลทางกฎหมายคืออะไรเพราะลูกจ้างได้ยื่นหนังสือลาออกไปก่อนแล้วแม้ว่าภายหลังนายจ้างจะมีหนังสือเลิกจ้าง ก็ไม่เป็นผลแล้วหรือไม่เพราะว่าได้ลาออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว?? . เรื่องแบบเดียวกันนี้เคยมีคำพิพากษาที่ 1312/2558 ได้วินิจฉัยไว้ว่า กรณีที่ลูกจ้างลาออกก่อนที่นายจ้างจะสอบสวนความผิดแล้วเสร็จเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเลิกจ้างนั้น ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานตามระเบียบข้อบังคับการทำงาน เนื่องจากข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุไว้ชัดเจนว่าพนักงานจะได้รับเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานจะต้องไม่เป็นพนักงานซึ่งลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเลิกจ้างเนื่องจากการกระทำความผิดตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน . ดังนั้นหากภายหลังบริษัท ทำการสอบสวนแล้วเสร็จและพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริงจึงทำหนังสือเลิกจ้างในกรณีนี้ลูกจ้างก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินดังกล่าว . ในการร่วมงานกันอาจจะมีผลประโยชน์เข้ามามากมาย สิ่งล่อตาล่อใจก็เกิดได้ทุกวัน แต่สุดท้ายแล้วการทำงานอยู่บนความซื่อสัตย์สุจริตทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง แม้จะไม่มีใครเห็นแต่ตัวเรารู้ดีอยู่แก่ใจความสบายใจเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ

รับเข้าทำงานแล้ว ก่อนถึงวันเริ่มงาน โทรมายกเลิก แบบนี้ฟ้องได้ไหมคะ?

รับเข้าทำงานแล้ว ก่อนถึงวันเริ่มงาน โทรมายกเลิก แบบนี้ฟ้องได้ไหมคะ? . คำถามนี้เป็นเรื่องที่น่าหดหู่ในการทำงานมากกกก เพราะใจคนถามก็หวังว่าจะได้งานใหม่ไปเริ่มต้นงานที่ใหม่ ลาออกจากที่เก่าเสร็จสรรพ เซ็นสัญญาเรียบร้อยแต่ก่อนเริ่มงานกลับโทรมาบอกว่า “ขอยกเลิกนะ ไหนๆก็ ยังไม่ได้มาลองกลับไปคุยกับที่เก่าดูก่อน เผื่อเค้ายังไม่รับคนใหม่” . ฟังแล้วแบบ แกกกกกกกกก..ทำไมพูดง่ายอ่ะ!! . ในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่ายังไม่ได้เข้าไปทำงานเป็นลูกจ้าง แต่ก็มีสิทธิ์ที่ลูกจ้างจะฟ้องร้องค่าเสียหายได้ เพราะเป็นการบอกเลิกสัญญาจ้างแรงงานโดยที่ลูกจ้างยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ด้วยค่าเสียหายนี้ตัวลูกจ้างก็สามารถร้องขอต่อศาลและนำสืบให้ศาลเห็นว่าตนเองเสียหายจากอะไรบ้าง? . แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลูกจ้างจะไม่ได้ก็คือ ฆ่าตกใจหรือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เพราะสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จะได้ก็ต่อเมื่อนายจ้างกับลูกจ้างมีการทำงานกันจริงแต่ในกรณีที่สอบถามเข้ามาลูกจ้างถูกเลิกสัญญาก่อนที่จะเริ่มทำงานให้บริษัทจึงไม่มีสิทธิจะได้รับค่าตกใจ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 17 วรรค 2 และวรรค 3 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 582 ( ในกรณีเดียวกันนี้มีคำพิพากษาและศาลฎีกาคือ 7994/2560) “ ใจเขาใจเรานะคะสำรวจความต้องการในบริษัทก่อนคุยกันให้แน่ชัด การที่ลาออกงานมาโดยมีความหวังว่าจะได้งานที่ใหม่ ในขณะที่ภาระยังกองอยู่ข้างหลังมากมายการมาทำแบบนี้มันไม่ดีเลย ยังจะมีหน้ามาบอกด้วยนะว่าให้ไปถามที่เก่าว่าได้คนใหม่รึยัง อ่านไปก็อ่อนใจไป เฮ้อออ

ทำสัญญาจ้างแบ่งออกเป็นหลายช่วง เพื่อไม่ให้ทำงานติดต่อกัน ถือว่า นายจ้าง เจตนาไม่ซื่อจึงต้องนับระยะเวลา ทุกช่วงเข้าร่วมกัน

ทำสัญญาจ้างแบ่งออกเป็นหลายช่วง เพื่อไม่ให้ทำงานติดต่อกัน ถือว่า นายจ้าง เจตนาไม่ซื่อจึงต้องนับระยะเวลา ทุกช่วงเข้าร่วมกัน . กรณีนี้เป็นกรณีที่เจอบ่อยมากๆ กับการที่บริษัทจะแบ่งสัญญาจ้างออกเป็นช่วงๆมีกำหนดระยะเวลาชัดเจนบางบริษัทต่อสัญญาทุกๆ 6 เดือนบางบริษัทต่อสัญญาทุกๆ 1 ปี จะมีวันว่างไว้สักอาทิตย์หรือ 2 อาทิตย์ หลีกเลี่ยงไม่ให้สัญญาต่อเนื่องกัน เพื่อที่จะไม่นับระยะเวลาเข้ารวมไว้ด้วยกัน แถมไม่จ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างในทุกครั้งที่สัญญาสิ้นสุดลงด้วย . และถามว่าทำอย่างนี้รอดไหม..ตอบได้เลยว่าไม่รอดค่ะ . เพราะสัญญาจ้างแรงงานที่มีการแบ่งทำสัญญาจ้างเป็นช่วงสั้นๆรายช่วงมีกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดเป็นช่วงๆแต่ต่อเนื่องกันแม้จะเว้นว่างไว้สักอาทิตย์หรือ 2 อาทิตย์เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ให้ทำงานติดต่อกันนะก็ถือว่านายจ้างมีเจตนาไม่ให้ลูกจ้างได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายจึงต้องนับระยะเวลาทำงานทุกช่วงเข้าด้วยกันเพื่อประโยชน์ในการได้สิทธิ์ของลูกจ้างตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานพ.ศ 2541 ( อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2545)

สัญญาจ้างกำหนดว่า.. หากลูกจ้างตั้งครรภ์ถือว่าลูกจ้างประสงค์ลาออก ข้อตกลงนี้เป็นโมฆะ

สัญญาจ้างกำหนดว่า หากลูกจ้างตั้งครรภ์ถือว่าลูกจ้างประสงค์ลาออก ข้อตกลงนี้เป็นโมฆะ . พยายามจะเข้าใจนายจ้างว่าการที่ลูกจ้างตั้งครรภ์นายจ้างก็จะต้องให้วันลาคลอด และให้ ค่าจ้างให้ระวังพ่อตามที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าลูกจ้างจะมีอายุงานได้แค่ 1 เดือนก็ตาม แต่ การที่นายจ้างจะกำหนดว่าหากลูกจ้างตั้งครรภ์ให้ถือว่าลูกจ้างประสงค์ลาออกมันก็ไม่ใช่ และไม่ถูกต้อง . แม้ว่าการปฏิบัติงานของลูกจ้าง จะไม่สะดวกหากลูกจ้างตั้งครรภ์ แต่ การกำหนดในสัญญาจ้างและข้อบังคับว่าหาก ลูกจ้างตั้งครรภ์ให้ถือว่าลาออกนั้นเป็นวัตถุประสงค์เพื่อให้มีผลเป็นการเลิกจ้าง ขับต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานมาตรา 43 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่งเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 150 (ฎ.1394/2549) . การตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นความผิดแล้วไม่ได้เป็นความป่วยไข้ทางที่ดีนายจ้างควรจะคุยกับลูกจ้าง และเปลี่ยนตำแหน่งงานในช่วงระหว่างตั้งครรภ์เพื่อให้สามารถทำงานได้ และร่วมงานกันได้ทั้งสองฝ่ายต่อไป

ทำสัญญาจ้างหลายฉบับ ครบกำหนดตามสัญญาจ้าง มีสิทธิได้ค่าชดเชยหรือไม่ นับอายุงานอย่างไร?

ทำสัญญาจ้างหลายฉบับ ครบกำหนดตามสัญญาจ้าง มีสิทธิได้ค่าชดเชยหรือไม่ นับอายุงานอย่างไร?? . มีคำถามสอบถามเข้ามาว่า ทำสัญญาจ้างปีแบบต่อปีเมื่อครบกำหนดตามสัญญาจ้างแล้ว ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่?? ตอบ!! มีสิทธิได้รับค่าชดเชย เนื่องจากเมื่อครบกำหนดสิ้นสุดตามสัญญาจ้าง ย่อมถือเป็นการเลิกจ้างตาม ม.118 วรรค 2 ที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชย . แล้วหากมีการทำสัญญาจ้างหลายฉบับ ดังนี้ จะนับระยะเวลาการทำงานอย่างไร?? . ตอบ!! การนับระยะเวลาการทำงาน จะต้องนับทุกช่วงเวลาเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณค่าชดเชยในกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้าง ตาม ม.19 ม.20 และ ม.118 . เทียบเคียง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 147/2563 ก่อนที่สัญญาจ้างจะครบกำหนดมีการเจรจา ต่อสัญญาจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ลูกจ้างต้องการให้ต่อสัญญาจ้างอีก 1 ปี แต่นายจ้างต้องการ ต่อสัญญาอีก 6 เดือน จึงไม่สามารถตกลงกันได้ และไม่ได้มีการทำสัญญาจ้างกันต่อไป เมื่อสัญญาจ้าง มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญาไว้ กรณีจึงถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้าง มาตรา 118 วรรค 2 นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย โดยนับระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องของสัญญา...

ไม่ผ่านการทดลองงาน มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ ?

ไม่ผ่านการทดลองงาน มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ ? . สวัสตอนเช้า เขียนยาวก็ไม่ค่อยอ่าน งั้นวันนี้ตอบสั้นๆแล้วกันนะ ไม่ผ่านการทดลองงานมีสิทธิได้รับค่าชดเชย หรือไม่นั้น ต้องตอบว่ามีทั้ง ได้ และไม่ได้ . เพราะกฎหมายคุ้มครองแรงงาน กำหนดว่า กรณีมีสิทธิได้รับค่าชดเชย จะต้องมีการทำงานต่อเนื่องครบ 120 วัน ดังนั้น ถ้านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างในวันที่ 119 วัน เช่นนี้ ลูกจ้างก็ไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชย . แต่ๆๆ กรณีที่นายจ้างบอกขยายระยะเวลาทดลองงานออกไปเรื่อยๆ เกิน 120 วัน และเลิกจ้าง โดยที่ลูกจ้างไม่มีความผิด แบบนี้ลูกจ้างก็มีสิทธิได้ค่าชดเชย ส่วนได้เท่าไหร่นั้น เปิด เสริช ดู ม.118 พรบ คุ้มครองแรงงาน . ส่วนนายจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่นั้น คำตอบคือ “ต้องบอกล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง” หากสัญญาจ้างนั้นเป็นสัญญาแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา (สัญญาแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา คือไม่ได้บอกว่าเริ่มต้น สิ้นสุดแน่นอนเมื่อใด) โดยสัญญาที่ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน เนี่ยทำให้นายจ้างเกิดหน้าที่ต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้า ตามมาตรา...