กรุณารอสักครู่

 

HomeCategoryกฏหมายแรงงาน Archives - Page 25 of 68 - บริษัท ลีกัล คลินิก แอนด์ เอดดูเคชั่น จำกัด

ขอลาออกให้มีผลสิ้นเดือนแต่นายจ้างบอกว่าให้ออกไปเลยวันนี้แบบนี้ถือว่าไล่ออกมั้ยคะ!!

ขอลาออกให้มีผลสิ้นเดือนแต่นายจ้างบอกว่าให้ออกไปเลยวันนี้แบบนี้ถือว่าไล่ออกมั้ยคะ!! เรื่องนี้โพสต์ไปหลายรอบแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่ทราบและยังลังเลอยู่ว่าสรุป “เป็นการลาออก” หรือ “ไล่ออก” ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะคะ กรณีนายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงานก่อนครบกำหนดในใบลาออกไม่ใช่การเลิกจ้าง ศาลฎีกาเคยตัดสินว่าสัญญาจ้างสิ้นสุดลงเพราะการลาออกไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ทั้งนี้ เพราะลูกจ้างเป็นฝ่ายแสดงเจตนาขอบอกเลิกสัญญาจ้างก่อน แม้นายจ้างไม่ได้แสดงเจตนาอะไรสัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงเมื่อถึงวันที่ระบุให้ใบลาออกมีผล แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างออกจากงานก่อนถึงวันดังกล่าวตามที่ลูกจ้างประสงค์โดยลูกจ้างไม่มีความผิดก็มีผลทำให้ลูกจ้างเสียหายเพียงเท่าที่ไม่รับค่าจ้างจนถึงวันที่ลูกจ้างประสงค์จะออกเท่านั้น จึงมิใช่การเลิกจ้าง (คำพิพากษาฎีกาที่10161/2551) สรุป สิ่งที่นายจ้างจะต้องจ่ายก็คือเงินเดือน จนถึงวันที่ลูกจ้างแจ้งลาออก แต่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชยหรือถ้าตกใจอีกค่ะ เช่น ลูกจ้างแจ้งลาออกวันที่ 20 มีนาคมให้มีผลวันที่ 30 เมษายนแต่นายจ้างบอกว่าออกไปเลยจ้ะ 20 มีนาคมนี้เก็บของไปเลยนายจ้างก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างตั้งแต่วันลูกจ้างทำงานมาคือวันที่ 1 มีนาคมจนถึง 30 เมษายน ค่ะ

ลูกจ้างเสพกัญชาจนมึนเมา อยากเลิกจ้างแต่ในข้อบังคับไม่มีเขียนไว้ แบบนี้สามารถเลิกจ้างได้ไหมคะ ?

ลูกจ้างเสพกัญชาจนมึนเมา อยากเลิกจ้างแต่ในข้อบังคับไม่มีเขียนไว้ แบบนี้สามารถเลิกจ้างได้ไหมคะ ? โอ๊ยเธอฉันอ่านเรื่องนี้แล้วฉันก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยบางทีมันก็ไม่ต้องไปยึดติดกับข้อบังคับขนาดนั้นไหมถ้าให้เปรียบเทียบนะถ้าลูกจ้างทำความผิดร้ายแรงเช่นขโมยของประพฤติชั่วใดๆก็ตามซึ่งมันเป็นเรื่องร้ายแรงอยู่ในตัวอยู่แล้วมันไม่จำเป็นต้องมีข้อบังคับกำหนดไว้ก็เลิกจ้างได้ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่ามีข้อบังคับในเรื่องนั้นหรือไม่เสียทีเดียวแต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าสิ่งที่เรียกว่าเป็นการประพฤติชั่วหรือจงใจกระทำผิดต่อนายจ้างนั่นคืออะไรมากกว่าเช่นบางความผิดบางคนมองว่าอันนี้ไม่ได้ประพฤติชั่ว แต่บางคนกลับมองว่านี่คือการจะไปชั่วเช่นลุกขึ้นเถียงนายจ้างในที่ประชุมนายจ้างบอกว่านี่คือการประพฤติชั่วขอไล่ออกได้ไหมในข้อบังคับกำหนดเรื่องนี้ไว้เป็นวินัยร้ายแรง.. ซึ่งถ้าให้พิจารณาจากแค่นี้ก็บอกได้เลยว่าอาจจะไม่ได้ร้ายแรงมากต้องดูตัวอย่างข้อความการด่าสถานการณ์สภาพแวดล้อม ตำแหน่งหน้าที่ หลายอย่างประกอบกัน พี่จะดูได้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวรุนแรงหรือไม่ ? แต่ในทางกลับการกรณีที่สอบถามมาคือลูกจ้างเสียบกัญชาจนมึนเมาไม่สามารถทำงานได้เลยแม้กัญชาจะถูกปลดล็อคแล้วเมื่อไม่นานมานี้แต่มันก็ชัดเจนว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถทำให้ทำงานได้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีและเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงกระทบกับหลายภาคส่วนเช่นนี้ก็เลิกจ้างได้แม้ไม่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับการทำงานในหมวดวินัยของบริษัท

ทำสัญญาปีต่อปีเมื่อสิ้นสุดสัญญาต้องได้ค่าชดเชย

ทำสัญญาปีต่อปีเมื่อสิ้นสุดสัญญาต้องได้ค่าชดเชย ก่อนที่จะไปพิจารณาถึงเรื่องอื่นต้องพิจารณาก่อนด้วยว่างานที่ทำเป็นสัญญาปีต่อปีนั้นเป็นงานตามปกติธุรกิจการค้าของนายจ้างหรือไม่ ? หากเป็นงานตามปกติธุรกิจการค้าของนายจ้าง แม้จะทำสัญญาทีละปีเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลงก็ถือเป็นการเลิกจ้าง และแม้ว่าจะมีการแบ่งสัญญาออกเป็นช่วงๆสัญญานั้นก็จะถูกนับระยะเวลารวมกันตามพรบคุ้มครองแรงงานมาตรา 20 (มาตรา 20 การที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานติดต่อกันโดยนายจ้าง มีเจตนาที่จะไม่ให้ลูกจ้างนั้นมีสิทธิใดตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่า นายจ้างจะให้ลูกจ้างทำงานในหน้าที่ใด และการจ้างแต่ละช่วงมี ระยะเวลาห่างกันเท่าใดก็ตาม ให้นับระยะเวลาการทำงานทุก ช่วงเข้าด้วยกันเพื่อประโยชน์ในการได้สิทธิของลูกจ้างนั้น) พอแค่นี้แหละไม่อยากเขียนยาว สงสัยตรงไหนก็พิมถามไว้นะเดี๋ยวว่างๆจะมาตอบ

ครบกำหนดการจ้างตามสัญญาแต่ยังให้ทำงานต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ได้เซ็นต่อสัญญาแบบนี้คืออะไรคะ?

ครบกำหนดการจ้างตามสัญญาแต่ยังให้ทำงานต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ได้เซ็นต่อสัญญาแบบนี้คืออะไรคะ?? ใครจะสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยนะคะว่าเรื่องระหว่างเราตอนนี้คืออะไร… เพราะเดี๋ยววันนี้จะมาเล่าให้ฟังค่ะ โดยคำถามวันนี้เป็นคำถาม inbox ที่น่าสนใจ ซึ่งเรื่องนี้เคยตอบไปหลายครั้งแล้วว่าสัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดที่แน่นอนเมื่อนายจ้างจะเลิกจ้างไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าอีกเพราะว่า ลูกจ้างก็ได้ทราบกำหนดการเลิกจ้างล่วงหน้าแล้วประเด็นต่อมาคือ ถ้าเกิดว่าระยะเวลาตามสัญญาจ้างสิ้นสุดลงแล้วแต่ลูกจ้างยังคงทำงานต่ออีกแบบนี้จะถือว่าต่อไปอีกเท่าระยะเวลาสัญญาเดิมหรือเปล่าคำตอบก็คือ “ไม่ใช่ค่ะ” ในส่วนนี้กฎหมายก็ได้บอกไว้ว่าถ้าเกิดว่าสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานตามสัญญาแล้วนายจ้างก็ยังคงให้ลูกจ้างทำงานต่อไปลูกจ้างก็ยังทำงานส่งมอบแก่นายจ้างยังมีการทำงานร่วมกันจ่ายเงินเดือนร่วมกันตามปกติ ในกรณีนี้ กฎหมายก็ให้สันนิษฐานว่าก็ยังมีการจ้างกันต่อซึ่งกลายเป็นสัญญาที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอนในจ้างจะเลิกจ้างคราวนี้ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 งวดการจ่ายค่าจ้างด้วย หากไม่บอกกล่าวคราวนี้ก็จะมีค่าตกใจค่ะ

ใช้ตำแหน่งที่ใหญ่กว่ามารังแก… มาอ่านกันว่าเจอแบบนี้มีกฎหมายอะไรคุ้มครองผู้น้อยแบบเราๆบ้าง ?

ใช้ตำแหน่งที่ใหญ่กว่ามารังแก… มาอ่านกันว่าเจอแบบนี้มีกฎหมายอะไรคุ้มครองผู้น้อยแบบเราๆบ้าง ? ก่อนอื่นมารู้จักพฤติกรรม ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยกันว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีชื่อเรียกว่าอย่างไร…. พฤติกรรมดังกล่าวมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า Power Harassment หรือแปลเป็นภาษาไทยง่ายๆก็หมายถึง การข่มเหงรังแกในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็น การกลั่นแกล้ง การทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนรำคาญใจ ไม่สบายใจ โดยใช้อำนาจหรือตำแหน่งหน้าที่ในการงานเป็นเครื่องมือ มีผลให้ผู้ถูกกระทำทำงานด้วยความลำบากกาย ลำบากใจ ถูกมองด้วยสายตาไม่ดีจากผู้ร่วมงานคนอื่น การดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดอาญา ตามมาตรา 397 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำการให้ได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำในที่สาธารณสถาน หรือต่อหน้าธารกำนัล หรือเป็นการทำในลักษณะส่อไปในทางล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่ง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสอง เป็นการกระทำโดยเหตุที่ผู้กระทำมีอำนาจเหนือผู้ถูกกระทำ อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจเหนือประการอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท” ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งหมายถึงความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ...

ข้อบังคับบริษัทกำหนดให้เตือนครบ 3 ครั้งจึงเลิกจ้างได้ แต่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้แค่ 2 ครั้ง นายจ้างจึงเลิกจ้างเมื่อทำผิดซ้ำใบเตือน 2 ครั้ง ทำได้จริงหรอ?

ข้อบังคับบริษัทกำหนดให้เตือนครบ 3 ครั้งจึงเลิกจ้างได้ แต่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้แค่ 2 ครั้ง นายจ้างจึงเลิกจ้างเมื่อทำผิดซ้ำใบเตือน 2 ครั้ง ทำได้จริงหรอ? ตามกฎหมายแรงงานไม่จำเป็นให้นายจ้างต้องออกใบเตือนครบ 3 ครั้งก็เลิกจ้างได้ เพราะกฎหมายแรงงานกำหนดไว้ว่า ถ้าลูกจ้างทำผิดระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่งของนายจ้าง และนายจ้างได้เตือนเป็นหนังสือ แล้วภายใน 1 ปี ลูกจ้างก็ยังทำผิดซ้ำในเรื่องเดียวกันกับที่ได้เตือนมาแล้ว นายจ้างก็มีสิทธิเลิกจ้างได้เลย เพราะลูกจ้างทำผิดซ้ำ” และเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย แต่!!! ถ้าบริษัทมีระเบียบ ข้อบังคับกำหนดการทำผิดวินัยของลูกจ้างในบางเรื่อง บางกรณีไว้ว่าลูกจ้างทำผิด กี่ครั้งจึงจะออกคำเตือน และทำผิดในเรื่องที่เคยเตือนกี่ครั้งแล้วมาถึงจะเลิกจ้างเพราะทำผิดซ้ำหนังสือเตือน ตัวอย่างเช่น ภายในบริษัทระบุไว้ว่า จะตักเตือนกี่ครั้งถึงจะเลิกจ้าง เช่น จะเตือน 3 ครั้ง 4 ครั้ง หรือ 5 ครั้ง หากตักเตือนยังไม่ครบตามระบุแล้วบริษัทเลิกจ้างเสียก่อน เช่น บริษัทระบุว่าจะตักเตือน 3 ครั้ง แต่เลิกจ้างตั้งแต่การเตือนครั้งที่ 2 นายจ้างอาจต้องจ่ายค่าชดเชยเช่นกัน กรณีเช่นนี้ นายจ้างก็ต้องปฏิบัติหรือทำตามกฎระเบียบที่ตนสร้างขึ้นมาจะข้ามขั้นตอนการลงโทษโดยการเลิกจ้างทันทีไม่ได้ ตามฎีกาที่ 7786/2556...

เงินตามกฎหมายแรงงานที่นายจ้างต้องจ่ายเมื่อเลิกจ้างมีอะไรบ้าง และต้องจ่ายภายในกี่วัน

เงินตามกฎหมายแรงงานที่นายจ้างต้องจ่ายเมื่อเลิกจ้างมีอะไรบ้าง และต้องจ่ายภายในกี่วัน เมื่อมีการเลิกจ้าง สิ่งที่นายจ้างต้องทำคือ จ่ายเงินค่าจ้างคงค้างหรือเงินอื่นๆ ให้แก่ลูกจ้างจนกว่าจะครบถ้วน อย่างไรก็ตาม เงินที่กฎหมายแรงงานกำหนดมีหลายประเภทมาก วันนี้เลยจะมาสรุปให้ฟังว่า เงินแต่ละประเภทมีกำหนดการจ่ายอย่างไรบ้าง นายจ้างจะได้ไม่สับสนและจ่ายเงินส่วนนี้ให้แก่ลูกจ้างได้อย่างถูกต้อง 1. ประเภทเงินที่ต้องจ่ายในวันที่เลิกจ้าง ได้แก่ ค่าชดเชยมาตรา 118, สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า, ค่าชดเชยพิเศษมาตรา 120,121 และ 122 ของพรบ.คุ้มครองแรงงานฯ 2. ประเภทเงินที่ต้องจ่ายภายใน 3 วันนับแต่เลิกจ้าง ได้แก่ ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด (แต่ถ้าลูกจ้างลาออกเอง ไม่ได้เป็นการเลิกจ้างก็รอรอบกำหนดวันจ่ายเงินเดือนตามปกติ ไม่จำเป็นต้องจ่ายก่อนรอบก็ได้) 3. ประเภทของเงินที่ต้องจ่ายและคืนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เลิกจ้าง ได้แก่ ค่าชดเชยกรณีย้ายสถานประกอบการ และการคืนหลักประกัน หากนายจ้างฝ่าฝืนไม่จ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างภายในกำหนดดังกล่าว ลูกจ้างสามารถไปแจ้งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในเขตพื้นที่ได้เลย เดี๋ยวเค้าจะจัดการเรียกให้นายจ้างจ่ายให้เอง นอกจากนี้นายจ้างยังต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และมีโทษตามมาตรา 144 ของพรบ.คุ้มครองแรงงานฯ ด้วย คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6...

จ้างนักเรียน นักศึกษาให้ทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุด ไม่ใช่ลูกจ้าง

จ้างนักเรียน นักศึกษาให้ทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุด ไม่ใช่ลูกจ้าง สำหรับกรณีที่นายจ้างบางคนได้จ้างนักเรียน นักศึกษา ให้ทำงานตามช่วงเวลาเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และช่วงวันปิดภาคเรียน แต่มีเงื่อนไขการทำงานว่า นักเรียน นักศึกษาจะไปทำงานหรือไม่ก็ได้ หากนักเรียน นักศึกษาไม่ไปทำงานก็เพียงแต่แจ้งทางโทรศัพท์ให้นายจ้างทราบโดยไม่ต้องยื่นใบลา และนักเรียน นักศึกษาที่มาทำงานจะได้รับค่าตอบแทนตามจำนวนชั่วโมงทำงานที่ทำได้ในแต่ละวัน หากไม่ไปทำงานก็จะไม่ได้รับค่าตอบแทน นอกจากนี้แล้วยังไม่มีการกำหนดวันหยุด วันลา และสวัสดิการสำหรับนักเรียน นักศึกษา ดังนั้นแสดงให้เห็นว่านักเรียน นักศึกษามีอิสระในการทำงานให้แก่นายจ้าง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา และไม่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของนายจ้าง อีกทั้งแม้นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างตามจำนวนชั่วโมงที่ลงทำงานไว้ก็ไม่ใช่กรณีที่นายจ้างใช้อำนาจบังคับบัญชา แต่เป็นการวางกฎเกณฑ์เพื่อให้การทำงานและคำนวณชั่วโมงทำงานได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและนักเรียนนักศึกษาจึงไม่ได้อยู่ในฐานะนายจ้างและลูกจ้างกัน นายจ้างไม่ต้องส่งเงินสมทบตามพรบ.ประกันสังคม พ.ศ. 2535 (คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชำนัญคดีพิเศษที่ 141/2562)

การเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจอนุมัติในการลา ไม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงสภาพการจ้าง

การเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจอนุมัติในการลา ไม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงสภาพการจ้าง การที่นายจ้างแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการทำงานฯ โดยเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจอนุมัติให้ลูกจ้างลากิจฉุกเฉินหรือลาป่วยนั้น เป็นเพียงการเปลี่ยนผู้มีอำนาจอนุมัติการลาของลูกจ้างที่ทำให้การลาของลูกจ้างได้รับการพิจารณาจากผู้บังคับบัญชาในระดับสูงขึ้นไปเท่านั้น กรณีนี้ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการลาให้ยุ่งยากขึ้น ซึ่งถือเป็นอำนาจบริหารจัดการของนายจ้างที่มีอำนาจกระทำได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กร ดังนั้นจึงไม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง (คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชำนัญคดีพิเศษที่ 84/2561)

นายจ้าง..จ่ายเงินให้ลูกจ้างเพื่อแลกกับการให้ลูกจ้าง “ลงลายมือชื่อในใบลาออก” ไม่ได้ถือว่าเป็นการเลิกจ้างเสมอไป

นายจ้าง จ่ายเงินให้ลูกจ้างเพื่อแลกกับการให้ลูกจ้าง ลงลายมือชื่อในใบลาออก ไม่ได้ถือว่าเป็นการเลิกจ้างเสมอไป ในคดีนี้เรื่องมีอยู่ว่า ลูกจ้างมีพฤติการณ์เล่นอินเทอร์เน็ตเข้าดูเว็บไซต์ลามกอนาจารและเว็บไซต์เกี่ยวกับตารางการซื้อขายหุ้นในเวลาทำงาน มีความประพฤติทางด้านชู้สาวกับลูกจ้างของนายจ้างคนอื่นทั้งที่มีครอบครัวอยู่แล้ว ดังนั้นนายจ้างจึงเรียกลูกจ้างเข้าไปหาและแจ้งว่า “ผมนำเช็คมาให้ 3 เดือน ไม่ต้องมาทำงาน โดยจะจ่ายเงินให้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 แต่ต้องช่วยเซ็นเอกสารฉบับนี้ให้ผมด้วย เพื่อไปยืนยันกับบัญชีว่าคุณได้รับเงินสดนี้แล้ว” และลูกจ้างจึงได้ลงลายมือชื่อในหนังสือแจ้งความประสงค์จะลาออก โดยรับเงินสด 141,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ลูกจ้างลงนาม ลูกจ้างได้ขีดฆ่าข้อความในหนังสือว่า “ลูกจ้างจะไม่เรียกร้อง ฟ้องร้องหรือกระทำการใดเพื่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือเสียหาย” ต่อมาลูกจ้างได้นำคดีมาฟ้องต่อศาลโดยอ้างว่าลูกจ้างลงลายมือชื่อในหนังสือลาออกโดยไม่สมัครใจ การกระทำของนายจ้างจึงถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ศาลแรงงานพิจารณาแล้วเห็นว่า จากพฤติการณ์ไม่น่าเชื่อว่าถูกบังคับให้ลงลายมือชื่อในใบลาออก กรณีนี้จึงไม่ใช่การเลิกจ้าง ดังนั้นก่อนลงนามในหนังสือลาออกใดๆ ไม่ใช่ว่าลูกจ้างจะนำคดีมาฟ้องและอ้างว่าถูกนายจ้างบังคับขู่เข็ญได้เสมอไป ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงประกอบด้วยว่าจากพฤติการณ์มีพฤติการณ์ที่เป็นการบังคับขู่เข็ญหรือไม่ ดังคดีตัวอย่างข้างต้นนั่นเอง (คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชำนัญคดีพิเศษที่ 3578/2561)