“สัญญาจ้างแรงงานนั้นจำเป็นต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่”
อีกเรื่องสำคัญที่ต้องทราบและเป็นความเข้าใจผิดอันใหญ่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง นั่นคือ นายจ้างและลูกจ้างไม่คิดว่าการจ้างงานของตนจะต้องบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพียงเพราะไม่ได้จดทะเบียนร้านค้าไม่ได้เป็นรูปแบบนิติบุคคล ไม่ได้ส่งประกันสังคม หรือแม้แต่ไม่ได้ทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยทั่วไปแล้วหลายคนมักเข้าใจว่าผู้ที่จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 นั้น จะต้องเป็นนายจ้างที่จดทะเบียนร้านค้าเป็นรูปแบบนิติบุคคลส่งประกันสังคม หรือต้องมีการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งผู้เขียนขอเน้นย้ำว่า ตามมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 575 ได้กำหนดว่า การจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บคุคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้
กล่าวคือ สัญญาจ้างแรงงานนั้นไม่จำเป็นจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ จะทำเป็นหนังสือหรือไม่ก็ได้ แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือจะต้องดูพฤติการณ์ของคู่กรณีเป็นหลักว่ามีการจ้างกันแล้วหรือไม่ เช่น นายจ้างมีการมอบหมายงานให้ทำเพื่อกิจการของนายจ้าง มีการควบคุมการทำงาน กำหนดเวลาทำงานและจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างตลอดระยะเวลาที่จ้าง เท่านี้ก็ถือว่าเป็นลูกจ้างตามความที่ว่า ตามมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 575 แล้ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประกันสังคมอย่างที่หลายคนเข้าใจแต่อย่างใด (หลายคนเข้าใจว่า หากไม่ได้เข้าระบบประกันสังคม กฎหมายแรงงานก็ไม่คุ้มครองซึ่งแท้จริงเป็นคนละส่วนกัน เพราะตราบใดที่เข้าองค์ประกอบของการจ้างแรงงาน ลูกจ้างและนายจ้างก็มีสิทธิหน้าที่ต่อกันตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนเรื่องประกันสังคมเป็นอีกกฎหมายที่แยกออกมาต่างหากจากพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยกำหนดว่านายจ้างที่มีลูกจ้างนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างพร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนภายใน 30 วัน และเมื่อมีการรับลูกจ้างใหม่เพิ่มขึ้นต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายใน 30 วันเช่นกัน มิฉะนั้น จะมีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
หากใครยังนึกภาพไม่ออกว่ากลุ่มงานไหนบ้างที่เป็นลูกจ้างแต่ไม่ทราบสิทธิของตน ส่วนนายจ้างก็อาจไม่ทราบหน้าที่ (หรือบางคนทราบแต่ก็ยังละเลยเพิกเฉยเพราะต้นทุนทางการตลาด) ผู้เขียนขอยกตัวอย่างที่เราเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น ลูกจ้างในร้านก๋วยเตี๋ยว ลูกจ้างร้านชา กาแฟต่างๆ ที่หากนายจ้างตกลงจ้างกำหนดวันเวลาทำงาน จำนวนค่าจ้าง ข้อกำหนดต่างๆ ในการทำงาน ลูกจ้างเหล่านี้ถือว่าเป็นลูกจ้างที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานทั้งสิ้น
ดังนั้น หากนายจ้างเข้าใจผิดว่าตนเองไม่ต้องทำตามกฎหมาย อาจเกิดโทษแก่นายจ้างอย่างร้ายแรง ทั้งในด้านการบริหาร ชื่อเสียงและโอกาสทางธุรกิจ ด้วยเหตุที่กล่าวมา นายจ้างและตัวแทนนายจ้าง จึงจำเป็นจะต้องทราบและเข้าใจสิทธิหน้าที่ระหว่างกัน โดยเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างมีด้วยกันหลายประการซึ่งในเล่มนี้ ผู้เขียนจะนำเสนอเฉพาะในเรื่อง “วันหยุดและวันลา” เพื่อให้นายจ้างทราบและนำไปบริหารการจ้างต่อไป
ติดต่องานขอทราบค่าบริการ
💬คดีความ
💬ที่ปรึกษากฎหมาย
💬 ร่างข้อบังคับและสัญญาทั้ง 💬Thai/Eng
💬 งานบรรยาย
สอบถามค่าบริการได้ทาง Labour.clinique@gmail.com ได้เช่นเคยครับ💬 ร่างข้อบังคับและสัญญาทั้ง 💬Thai/Eng
💬 งานบรรยาย
สอบถามค่าบริการได้ทาง Labour.clinique@gmail.com
#ลูกจ้าง #hr #คลินิกกฎหมายแรงงาน #มนุษย์เงินเดือนรู้กฎหมาย #ทนายฝ้าย