มาสายไม่เท่ากับลากิจ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องนี้เคยพูดไปแล้วนะคะแต่ก็จะมาพูดซ้ำให้ฟังกันอีกครั้งนึงเรื่องของการที่ลูกจ้างมาศาลและนายจ้างบังคับให้ใช้เป็นวันลากิจ
ต้องเข้าใจนะ สายก็คือสาย
สายไม่ใช่ลากิจ
นายจ้างจะตีความว่า เพราะเธอไปติดธุระส่วนตัวของเธอมาน่ะสิ เธอถึงมาสาย ดังนั้นเธอต้องใช้ลากิจ
แบบนี้มันก็เป็นการตีความที่ไม่ถูกต้องเอาเสียเลย ต้องเข้าใจก่อนว่ากฎหมายกำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิ์ลากิจธุระอันจำเป็นได้ไม่น้อยกว่า 3 วันทำงานต่อปี โดยที่กฎหมายมีเจตนารมณ์ให้ลูกจ้างลาเพื่อไปทำธุระที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นธุระส่วนตัวที่คนอื่นทำแทนไม่ได้หรือธุระของบุคคลในครอบครัว ที่เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นการที่บอกว่ามาสายแล้วให้ไปใช้ลากิจจึงขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย
สรุปว่าสายก็คือสายค่ะ
นายจ้างจะตัดเบี้ยขยัน
จะออกหนังสือเตือนจะพิจารณาไม่ปรับขึ้นเงินเดือนหรือโบนัสก็เป็นมาตรการที่นายจ้างจะต้องจัดทำแต่มาตรการทั้งหลายเหล่านี้ก็ต้องสอดคล้องกับกฎหมายด้วย
มีบางองค์กรบอก ว่าทำมาตั้งนานไม่เห็นมีปัญหาเลย
เธ๊อออออ เธอ ยังไม่ถูกฟ้องหรือเปล่า เพราะว่าอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจของลูกจ้างเขาไม่มี
อันนี้เป็นเรื่องที่นายจ้างต้องพิจารณาและก็ให้รู้ไว้ด้วยว่าหลายคนเขาดับเครื่องชนมีมาแล้วนะ ในกรณีที่นายจ้างไม่ให้ความเป็นธรรมและไม่ดำเนินการตามกฎหมายเลย ไปฟ้องทั้งๆที่ยังร่วมงานกันอยู่ก็มีให้เห็นเยอะไป
ในมุมของนายจ้างฝ้ายเข้าใจนายจ้างนะ อย่างที่บอกไปว่าฝ้ายเองเป็นทั้งลูกจ้างแล้วก็เป็นนายจ้างด้วย แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอยู่ในฐานะนายจ้างหรือลูกจ้างการทำงานร่วมกันสิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้คือการสื่อสารและการพูดคุย
ลองปรับลองจูนถามหาเหตุผลของการมาสายกันดูนะคะ ปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายมากที่สุดก็จะเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่ายค่ะ
ติดต่องาน info@legalclinic.co.th