อยู่อยู่จะก็รักรักมาบอกมาทำให้ชื่นใจ
อยู่อยู่จะร้ายก็ร้ายก็เลยไม่แน่ใจ ~
กับคำถามวันนี้มันทำให้นึกถึงเพลงนี้เลยอ่ะ
(ว่าไปเพลงก็บ่งบอกอายุเหมือนกันนะ)
กับคำถามงงงวยของวันนี้ว่าด้วย “นายจ้างบอกเลิกจ้างด้วยวาจาพูดง่ายง่ายก็คือไล่ออกนั่นแหละอีกวันนึงบอกว่าให้กลับมาทำงานแบบนี้จะได้ค่าชดเชยไหมคะพี่ทนาย?”
การเลิกจ้างหรือการลาออก เป็นการสิ้นสุดสัญญาจ้าง ที่หากเป็นสัญญาจ้างที่ไม่กำหนดระยะเวลาการจ้างไว้ นายจ้างหรือลูกจ้างสามารถบอกเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนหรือในวันจ่ายค่าจ้างให้อีกฝ่ายทราบเพื่อให้ผลเป็นการเลิกจ้างเมื่อครบกำหนดการจ่ายค่าจ้างคราวถัดไป ทั้งนี้ ตาม ม.17
ซึ่งการเลิกจ้างนั้นนายจ้างสามารถแจ้งด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5933/2550 ) และเมื่อได้มีการแสดงเจตนาเลิกจ้างหรือลาออกแล้ว จะถอนการแสดงเจตนานั้นไม่ได้ ทั้งนี้ ตาม ป.พ.พ. ม.386 วรรค 2
ดังนั้น สำหรับคำถามที่ว่า นายจ้างเลิกจ้างด้วยวาจา ต่อมาเปลี่ยนใจบอกให้กลับมาทำงาน แบบนี้ลูกจ้างมีสิทธิได้ค่าชดเชยหรือไม่
ผู้เขียนเห็นว่า เมื่อนายจ้างได้แสดงเจตนาในการบอกเลิกจ้าง โดยลูกจ้างก็ได้รับทราบเจตนาในการเลิกจ้าง การเลิกจ้างย่อมมีผลแล้วนับแต่วันทราบเจตนา ดังนั้น นายจ้างจะเปลี่ยนใจให้กลับมาทำงาน อันเป็นการถอนการแสดงเจตนาไม่ได้ ทั้งนี้ ตาม ป.พ.พ. ม.386 ซึ่งหากลูกจ้างไม่ยินยอมให้นายจ้างยกเลิกเพิกถอนการแสดงเจตนา นายจ้างก็ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6525/2544 วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานว่า สัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาชนิดหนึ่ง เมื่อนายจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญาแสดงเจตนาเลิกสัญญาแก่ลูกจ้างโดยการเลิกจ้างแล้ว สัญญาจ้างแรงงานย่อมสิ้นสุดลงทันที และ การแสดงเจตนาเลิกสัญญาหาอาจถอนได้ไม่
ข้อสังเกต
การลาออก หรือ การเลิกจ้าง ไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย ดังนั้น เมื่อลูกจ้างลาออกก็ไม่ต้องรอให้นายจ้างอนุมัติ และเช่นเดียวกันหากนายจ้างเลิกจ้างก็ไม่ต้องขอความยินยอมจากลูกจ้างเช่นกัน