กฏหมายแรงงานอายเพื่อนที่ทำงานเพราะบอกว่าจะลาออกจากงาน แต่ก็มีเหตุผลจึงขอกลับไปทำงานเช่นเดิม

นอกจาก “เราเลิกกันเถอะ” จะเป็นคำต้องห้าม ที่ควรใคร่ครวญดีๆก่อนพูด คำว่า “ลาออก” ก็เช่นกันค่ะ เพราะการลาออกเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว ถ้าไม่คิดลาออกจริงๆ ไม่ได้วางแผนหรือไตร่ตรองให้ดี อย่าพูดไปเรื่อยเปื่อย เพราะอาจจะ ก่อให้เกิดปัญหาหนักใจเหมือนเจ้าของกระทู้นี้ได้

ในประเด็นนี้ขอให้ความเห็นทั้งในผลของกฎหมายและในมุมอดีตพนักงานประจำคนหนึ่งนะคะ

ในผลของกฎหมายกรณีที่จะลาออกนั้นเป็นการแสดงเจตนาต่อบุคคลที่มีหน้าที่และมีอำนาจกระทำการแทนนายจ้าง ในการอนุมัติหรือตัดสินใจ เท่ากับการลาออกนั้น “มีผลแล้ว” ไม่ว่าจะเป็นการลาออกด้วยวาจาลายหรือลักษณ์อักษร

แต่หากการลาออกนั้นไม่ได้แจ้งกับนายจ้าง หรือตัวแทนนายจ้างที่มีอำนาจในการอนุมัติเลย แต่เป็นการพูดกับเพื่อนร่วมงานทั่วไป เท่ากับการแสดงเจตนานั้นยังไม่ถึงตัวแทนนายจ้างถึงไม่เป็นผล

( ข้อสังเกตคือ ถ้ามีคนเอาไปแจ้งตามที่ในกระทู้บอกจะถือว่ามีผลหรือไม่ ในความเห็นเราเราถือว่ายังไม่มีผลตามกฎหมาย เพราะไม่ได้แจ้งเองโดยตรง แต่ถ้าแจ้งให้กับตัวแทนนายจ้างรับทราบโดยตรงถือว่ามีผลแล้ว)

คราวนี้มาประเด็นข้อเท็จจริงกันบ้างว่าเมื่อสงบสติอารมณ์แล้วยังไม่อยากลาออกทำอย่างไรได้บ้าง ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเราเราจะ ขอเวลาเข้าไปคุยกับตัวแทนนายจ้างโดยตรงและพูดถึงปัญหาที่อึดอัดใจซึ่งนำมาซึ่งความรู้สึกอยากลาออกให้ฟังและ ขอโทษที่ไม่ใคร่ครวญให้ดี ขอโอกาสในการทำงานต่อไป

มาดูเคสในชีวิตจริงกันบ้าง ในเรื่องนี้เราเคยเจอกรณีที่ พนักงาน 2 คนแจ้งลาออกเข้าไปในกลุ่มซึ่งในกลุ่มดังกล่าวมี ผู้ที่มีอำนาจ ในการจ้างเลิกจ้างแทนนายจ้างอยู่ด้วยซึ่งเขาได้อ่านข้อความนั้นแล้ว ถือว่าการแสดงเจตนานั้นเป็นผลเรียบร้อยแล้ว ต่อมาพนักงานทั้งสองคน เปลี่ยนใจไม่อยากลาออกแล้ว จึงแจ้งกับตัวแทนนายจ้างแต่ตัวแทนนายจ้างกลับรับเข้าทำงานต่อเพียงแค่คนเดียว จะเป็นประเด็นน่าพิจารณาว่า แบบนี้นายจ้างถือเป็นการเลิกจ้างหรือเปล่า

กรณีเช่นนี้ตอบได้ทันทีเลยนะคะว่าไม่ใช่กรณีเลิกจ้าง เพราะพนักงานแสดงเจตนาลาออกเองแล้ว ส่วนกรณีนายจ้างจะรับคนใดคนหนึ่งเข้ามาทำงานอีกครั้งนั้นเป็นดุลพินิจและเป็นอำนาจของนายจ้างค่ะ ไม่ใช่การเลิกจ้างหรือการปฏิบัติไม่เป็นธรรมอย่างแน่นอน

ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ เราเชื่อว่าหลายคนคงมีงานเพิ่ม แถมบางคนได้รับเงินเดือนลดลงอีกด้วย แม้ว่าจะลำบากใจลำบากกายแค่ไหน ก่อนตัดสินใจก็ควรพิจารณาสถานการณ์ต่างๆและแผนสำรองของตัวเองไว้ด้วยนะคะ

ด้วยรักและหวังดีเสมอ

ทนายฝ้าย

คลินิกกฎหมายแรงงาน