ต้องยอมรับว่าการสื่อสารผ่าน social media เป็นส่วนสำคัญและจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันแบบแยกไม่ออก
บางบริษัทจึงเกรงว่าพนักงานจะทำเวลางานไปใช้กับเรื่องส่วนตัวผ่านช่องทาง social media ต่างๆเช่นเล่น facebook หรือคุยไลน์ จึงออกกฎว่า “ห้ามเล่นโทรศัพท์ขณะทำงานเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย”
จึงเกิดความสงสัยว่ากฎระเบียบใช้บังคับได้หรือไม่วันนี้เรามีคำตอบจ้า
1. นายจ้างมีสิทธิออกกฎระเบียบห้ามพนักงานเล่นโทรศัพท์ขณะทำงานได้ แต่หากพนักงานฝ่าฝืนและจะเลิกจ้างนั้น ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไปว่าร้ายแรงหรือไม่ ไม่ใช่ว่ากำหนดในกฎว่าร้ายแรง แล้วถือว่าร้ายแรงจนเลิกจ้างได้ไปหมดทุกอย่าง ส่วนแค่ไหน พฤติการณ์ใดเรียกว่าร้ายแรงนั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงานด้วย
2. หากพนักงานฝ่าฝืนกฎระเบียบข้อบังคับดังกล่าวซึ่งไม่ใช่กรณีร้ายแรง นายจ้างจำเป็นจะต้องออกหนังสือเตือนให้ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน หากผิดซ้ำคำเตือนภายในระยะเวลา 1 ปีนับแต่กระทำความผิดครั้งแรก จึงจะเลิกจ้างได้โดยไม่จ่ายค่าชดเชย
มาดูตัวอย่างกรณีใกล้เคียงในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ 17/2560 ที่วินิจฉัยไว้ว่า…
กฎระเบียบพนักงาน ของจำเลยห้ามเล่นโทรศัพท์ขณะทำงาน เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก ฯลฯ แม้จะมีการพูดคุยในเรื่องงานและ เรื่องส่วนตัวปะปนกันก็ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย และเป็นธรรมตาม พรบ.คุ้มครองแรงงาน ม. 119 (4) แต่เป็นกรณีไม่ร้ายแรง เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ปรากฏว่าได้ตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือก่อน จึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เพราะเหตุกระทำผิดซ้ำคำเตือน จึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์
แต่การที่โจทก์ฝ่าฝืนกฎระเบียบพนักงาน ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่ามีระเบียบนั้น ถือเป็นการจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย และทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตตาม ป.พ.พ. มาตรา 583 จำเลยไม่จำต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า (ค่าตกใจ) แก่โจทก์ และถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุอันสมควรเพียงพอมิใช่ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมตาม พรบ.จัดตั้งศาล แรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ม. 49 จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมให้แก่โจทก์
————-
ติดต่องานจ้าง
สอบถามค่าบริการได้ทาง
Info@legalclinic.co.th